ฟอสซิลไบรโอซัว (Bryozoa) เป็นซากดึกดำบรรพ์ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในกลุ่มสัตว์น้ำที่อยู่กันเป็นอาณานิคม และมีประวัติยาวนานในมหาสมุทรและน้ำจืดกว่า 480 ล้านปี ไบรโอซัว หรือที่เรียกกันว่า “สัตว์ตะไคร่น้ำ” มีความโดดเด่นในเรื่องการสร้างโครงสร้างอาณานิคมที่ซับซ้อน ซึ่งกลายเป็นฟอสซิลได้ง่าย ด้านล่างนี้คือรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะ ถิ่นที่อยู่อาศัย และยุคสมัยที่ไบรโอซัวมีชีวิตอยู่

ลักษณะเฉพาะ

ไบรโอซัวเป็นสัตว์ขนาดเล็กในไฟลัม Bryozoa ซึ่งมีลักษณะการอยู่ร่วมกันเป็นอาณานิคม แต่ละอาณานิคมประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เรียกว่า ซูออยด์ (zooid) ซึ่งมีโครงสร้างภายนอกทำจากแคลเซียมคาร์บอเนต ไคติน หรือสารเจลาติน โครงสร้างเหล่านี้เองที่มักกลายเป็นฟอสซิลคุณสมบัติสำคัญ

  1. โครงสร้างอาณานิคม อาณานิคมของไบรโอซัวมีรูปทรงหลากหลาย เช่น แบบกิ่งก้าน แบบปกคลุมพื้นผิว แบบคล้ายพัด หรือแบบทรงกลม ซึ่งสามารถพบเห็นในฟอสซิล
  2. การกรองอาหาร ซูออยด์แต่ละตัวมีหนวดที่เรียกว่า โลโฟฟอร์ (lophophore) สำหรับจับแพลงก์ตอนและอนุภาคอินทรีย์ในน้ำ
  3. ชีวิตแบบเกาะติด ไบรโอซัวส่วนใหญ่อยู่กับที่ โดยยึดตัวเองกับพื้นผิวแข็ง เช่น หิน เปลือกหอย หรือปะการัง
  4. ขนาดเล็กมาก ซูออยด์แต่ละตัวมีขนาดเล็กมาก (ปกติน้อยกว่า 1 มม.) แต่เมื่อรวมกันเป็นอาณานิคมอาจมีขนาดใหญ่ได้

ไบรโอซัวสืบพันธุ์ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศช่วยให้อาณานิคมเติบโตได้รวดเร็ว ขณะที่การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศช่วยเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรม

 (ที่มา : https://fossiilid.info/63?mode=in_baltoscandia)

ถิ่นที่อยู่อาศัย

ถิ่นที่อยู่อาศัยของไบรโอซัว ไบรโอซัวส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทะเล แม้ว่าบางชนิดจะพบในแหล่งน้ำจืด

ถิ่นที่อยู่ในทะเล

  • ทะเลตื้น ไบรโอซัวส่วนใหญ่เจริญเติบโตในทะเลตื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ของแสงแดดและสารอาหาร
  • แนวปะการัง ไบรโอซัวหลายชนิดช่วยสร้างแนวปะการังหรืออาศัยอยู่ร่วมกับปะการัง
  • ไหล่ทวีป ไบรโอซัวมักเกาะอยู่บนหินหรือเปลือกหอยที่พื้นทะเล

ถิ่นที่อยู่ในน้ำจืด

  • ไบรโอซัวบางชนิดปรับตัวให้อยู่น้ำจืด เช่น แม่น้ำ ทะเลสาบ และบึง โดยมักเกาะอยู่บนไม้พุ่ม พืชน้ำ หรือหินใต้น้ำ
กายวิภาคของซูออยด์ (zooid) ไบรโอซัวพื้นฐาน แสดงด้วยภาพตัดตามแนวตั้งผ่านซูออยด์แบบไคโลสโตม (cheilostome) ในสภาพที่โลโฟโฟร์ (lophophore) กางออก ลูกศรสีแดงแสดงทิศทางการไหลของกระแสอาหาร (ที่มา : https://neogenebryozoans.myspecies.info)

ยุคสมัยที่ไบรโอซัวมีชีวิตอยู่

 ไบรโอซัวปรากฏครั้งแรกในช่วง ยุคออร์โดวิเชียน (Ordovician Period) (ประมาณ 480 ล้านปีก่อน) และดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ไฮไลต์ในบันทึกฟอสซิล

  1. ยุคออร์โดวิเชียนถึงดีโวเนียน (485–359 ล้านปีก่อน)ไบรโอซัวมีความหลากหลายสูงสุดในยุคนี้ โดยมีการพัฒนาโครงสร้างอาณานิคมที่หลากหลาย
  2. ยุคคาร์บอนิเฟอรัส (359–299 ล้านปีก่อน) ไบรโอซัวมีบทบาทสำคัญในการสร้างหินปูนและแนวปะการัง
  3. ยุคเพอร์เมียน (299–252 ล้านปีก่อน) การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ทำให้ความหลากหลายของไบรโอซัวลดลง แต่บางชนิดสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ในยุคเมโซโซอิก
  4. ยุคปัจจุบัน แม้จะมีความหลากหลายน้อยลงเมื่อเทียบกับยุคพาลีโอโซอิก ไบรโอซัวยังคงมีความสำคัญในระบบนิเวศทางทะเล

เพิ่มเติม : กฏ 8 ข้อ การลำดับเรื่องราวทางธรณีวิทยาที่เกิดขึ้นบนโลก

เพิ่มเติม : ฟอสซิลและวิธีการเกิดฟอสซิล

เพิ่มเติม : ธรณีกาล : กาลเวลาทางธรณีวิทยา

เพิ่มเติม : มหายุคพรีแคมเบียน – มหายุคแห่งการจัดแจงโลกและสิ่งมีชีวิต

เพิ่มเติม : มหายุคพาลีโอโซอิก – เมื่อสิ่งมีชีวิตเริ่มรุกขึ้นบก

เพิ่มเติม : มหายุคมีโซโซอิก – ยุคทองของ ไดโนเสาร์

เพิ่มเติม : มหายุคซีโนโซอิก – มหายุคแห่งนม

กระบวนการกลายเป็นฟอสซิล

ไบรโอซัวมักกลายเป็นฟอสซิลได้ง่าย เนื่องจากโครงสร้างภายนอกของพวกมันทำจากแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงในตะกอน ฟอสซิลไบรโอซัวมักปรากฏในรูปแบบดังนี้

  1. ลวดลายปกคลุม พบอยู่บนเปลือกหอยหรือหิน โดยแสดงลวดลายของการเติบโตของอาณานิคม
  2. โครงสร้างสามมิติ เช่น อาณานิคมแบบกิ่งก้านหรือแบบพัด ซึ่งมักถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
  3. ชิ้นส่วนแยกออกมา เช่น โครงสร้างช่องเล็กๆ ที่ซูออยด์อาศัยอยู่ (zooecial chambers)
ขยายภาพเพื่อดูดัชนีตัวเลขประกอบ

Cristatella mucedo (Cuvier) = Cristatella mucedo Cuvier 1798

statoblast ระยะยังไม่เจริญเต็มที่ (immature statoblast)

statoblast ระยะเจริญเต็มที่ (mature statoblast)

โคโลนีวัยอ่อน (young colony)

โคโลนีโตเต็มที่ (mature colony)

โคโลนีโตเต็มที่ในภาพตัดขวาง (mature colony in cross-section)

Plumatella repens (Lamarck) = Plumatella repens (Linnaeus 1758)

individual ก่อนการสร้างโคโลนี (individual before colony formation)

โคโลนีวัยอ่อน (young colony)

บางส่วนของโคโลนีวัยอ่อน (part of young colony)

Alcyonella flabellum (Van Beneden) = Plumatella fungosa (Pallas 1768)

โคโลนีวัยอ่อน (young colony)

Lophopus crystallinus (Dumortier) = Cristatella mucedo Cuvier 1798

โคโลนีวัยอ่อน (young colony)

ตัว 개체ที่กำลังพัฒนาในโคโลนีระยะอ่อน (young developing individual in colony)

ตัว 개체ที่กำลังพัฒนาในโคโลนีระยะโตขึ้น (older developing individual in colony) (ที่มา : https://th.wikipedia.org)

ความสำคัญทางธรณีวิทยา

ฟอสซิลไบรโอซัวมีบทบาทสำคัญในการทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมทางทะเลในอดีต

  1. สภาพแวดล้อมทะเลตื้น ไบรโอซัวส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในน้ำทะเลใสที่มีสารอาหารอุดมสมบูรณ์
  2. การก่อตัวของหินปูน ฟอสซิลไบรโอซัวมีบทบาทสำคัญในการสร้างหินปูนขนาดใหญ่
  3. ตัวบ่งชี้สภาพแวดล้อมในอดีต รูปแบบต่างๆ ของไบรโอซัวสามารถเผยถึงอุณหภูมิ ความเค็ม และสภาพตะกอนของทะเลในอดีต

ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์

ฟอสซิลไบรโอซัวช่วยให้เกิดความเข้าใจในหลากหลายด้าน เช่น

  1. วิวัฒนาการ ไบรโอซัวเป็นตัวอย่างแรกๆ ของการดำรงชีวิตแบบอาณานิคม และช่วยในการศึกษาการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน
  2. นิเวศวิทยาในอดีต โครงสร้างและการกระจายตัวของอาณานิคมไบรโอซัวเผยให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศในทะเลโบราณ
  3. ธรณีวิทยา การมีส่วนช่วยในการสร้างแนวปะการังและตะกอนหินปูนช่วยให้นักธรณีวิทยาสามารถสร้างภาพสิ่งแวดล้อมในอดีตได้

แหล่งฟอสซิลไบรโอซัว

ฟอสซิลไบรโอซัวพบได้ทั่วโลก โดยมีแหล่งสำคัญดังนี้

  • สหรัฐอเมริกา (มิดเวสต์) มีฟอสซิลไบรโอซัวยุคออร์โดวิเชียนและคาร์บอนิเฟอรัสที่อุดมสมบูรณ์
  • ยุโรป พบฟอสซิลไบรโอซัวในหินปูนยุคพาลีโอโซอิก
  • ออสเตรเลีย พบฟอสซิลไบรโอซัวในตะกอนยุคเพอร์เมียนและเซโนโซอิก

สรุป ฟอสซิลไบรโอซัวไม่ได้เป็นเพียงซากดึกดำบรรพ์ที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์ของระบบนิเวศในทะเล โครงสร้างที่ซับซ้อนและบทบาทในธรณีวิทยาแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกลุ่ม

นี้ในประวัติศาสตร์โลก ไม่ว่าจะในฐานะเครื่องมือวิจัยหรือชิ้นส่วนที่งดงามตามธรรมชาติ ไบรโอซัวยังคงเป็นสิ่งที่น่าหลงใหลสำหรับนักวิทยาศาสตร์และนักสะสมทั่วโลก

. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth

Share: