เรียนรู้

ผลกระทบต่อฐานข้อมูลแผ่นดินไหว จากการเปลี่ยนรูปแบบและระบบตรวจวัด

ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกว่า บันทึกแผ่นดินไหว (earthqauke record) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บันทึกที่ตรวจวัดได้จากเครื่องมือตรวจวัด (instrumental record) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ฐานข้อมูลแผ่นดินไหว (earthquake catalogue) นั้นมีประโยชน์มหาศาลในการนำไปศึกษาพฤติกรรมการเกิดแผ่นดินไหวหรือประเมินพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวในอนาคต ทั้งนี้ก็เพราะฐานข้อมูลแผ่นดินไหวนั้นเก็บรายละเอียดแทบทุกอย่าง ทั้งตำแหน่ง เวลาและขนาดแผ่นดินไหว ออกมาทั้งหมดเป็นตัวเลขแน่นอน อย่างไรก็ตามจากการนำสารข้อมูลแผ่นดินไหวดังกล่าวไปใช้ หลายต่อหลายครั้ง นักแผ่นดินไหววิทยา (เช่น Reasenberg และ Simpson, 1992; Dieterich และ Okubo, 1996; Wyss และ Martyrosian, 1998) พบว่าข้อมูลแผ่นดินไหวส่วนใหญ่นั้น มักจะมีความคลาดเคลื่อนและไม่สื่อถึงพฤติกรรมการปล่อยแผ่นดินไหวของโลกอย่างแท้จริง   ซึ่งโลกก็ส่งข่าวและบอกกล่าวเราอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา แต่ความคาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นจากฝั่งมนุษย์เราเอง จากความไม่นิ่งของระบบการตรวจวัดฝั่งผู้รับ ตัวอย่างเช่น การเพิ่มหรือลดของเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหว (detection change) การเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการคำนวณ (magnitude change) และผู้ตรวจวัด (reporting change) ซึ่งทำให้สารที่เรารับมาจากโลกนั้นขาดๆ เกินๆ และอาจส่งผลให้การวิเคราะห์แผ่นดินไหวเชิงสถิตินั้นไม่มีประสิทธิผล บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจะตีแผ่ ข้อด้อยหรือข้อบกพร่องจากมนุษย์ดังกล่าวเพื่อให้นักแผ่นดินไหววิทยาที่อยากจะนำฐานข้อมูลแผ่นดินไหวไปใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำไปใช้วิเคราะห์ในเชิงสถิติ ได้ตระหนัก

1) การเปลี่ยนแปลงการตรวจวัด (detection change)

การตรวจวัดเพิ่มขึ้น

การติดตั้งของสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้น ทำให้การรายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่แผ่นดินไหวใหญ่การรายงานยังเหมือนเดิม เพราะก็ตรวจวัดได้ครบถ้วนจากเครือข่ายเดิมมีอยู่แล้ว ซึ่ง สัญญาณขนาดแผ่นดินไหว (magnitude signature) ที่แสดงการตรวจวัดเพิ่มขึ้นแสดงอยู่ในรูป ก ด้านล่าง โดยแสดงลักษณะเฉพาะของกราฟ ดังนี้

  • มีการเพิ่มขึ้น (ค่า z เป็นลบ) ของชุดข้อมูลที่ประกอบด้วยแผ่นดินไหวที่เล็กกว่าเดิม (ด้านซ้ายของการพลอต)
  • ไม่มีการเปลี่ยนแปลง (ค่า z ใกล้ศูนย์) ในชุดข้อมูลที่ประกอบด้วยแผ่นดินไหวใหญ่กว่า (ด้านขวาของการพลอต) ที่ราบเรียบด้านขวามือ โดยที่จุดเริ่มต้นของความเรียบคือ แผ่นดินไหวตัดออก (cutoff magnitude) ซึ่งเป็นระดับขนาดแผ่นดินไหวที่เมื่อใหญ่กว่าหรือเท่านี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดแผ่นดินไหว
  • ค่า z เป็นลบโดยตลอดทั่วสัญญาณขนาดแผ่นดินไหว
  • ความสูงเสถียรของ ค่า z (ที่เรียบตรงกลาง) เป็นลบในชุดข้อมูลที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เล็กกว่า (ดูจากศูนย์กลางของการพลอตจากด้านซ้าย)
รูป ก ลักษณะสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวแสดงการตรวจวัดเพิ่มขึ้น
รูป ข สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวแสดงลักษณะการตรวจวัดเพิ่มขึ้น สังเกตเห็นได้ในเมืองปาร์คฟิวลด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เปรียบเทียบอัตราการเกิดแผ่นดินไหว ระหว่างเดือนมกราคมและธันวาคม ค.ศ. 1969 และระหว่าง เดือนธันวาคม ค.ศ. 1969 และมิถุนายน ค.ศ. 1974
รูป ค สัญญาณขนาดแผ่นดินไหว จากฐานข้อมูลจากเม็กซิโก อเมริกากลางและหมู่เกาะเอลูเทียน รัฐอลาสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนของชุดข้อมูลแผ่นดินไหวระยะไกลระดับต่างๆ สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม คือ ชุดข้อมูลเม็กซิโกและอเมริกากลาง ส่วนสัญลักษณ์เพชร คือ ชุดข้อมูลที่มาจากหมู่เกาะเอลูเทียน แสดงการเพิ่มขึ้นในการตรวจวัดซึ่งกระทบทุกขนาดแผ่นดินไหว ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1964 อันเป็นผลมาจากการติดตั้งสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเพิ่มเติม ของเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหว WWSSN

การตรวจสอบสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวดังรูป ก ช่วยในการคัดเลือก ขนาดแผ่นดินไหวตัดออก เพื่อกำจัดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เล็กกว่าที่ไม่สมบูรณ์ อันเป็นผลมาจาก การเปลี่ยนแปลงการตรวจวัด โดยปัจจุบันมี 2 วิธีการในการเลือกขนาดแผ่นดินไหวตัดออก ได้แก่

  1. พิจารณาจากขนาดแผ่นดินไหวด้านซ้ายสุดของชุดข้อมูลที่เป็นที่ราบเสถียรด้านขวาของการพลอต ซึ่งหมายถึงขนาดแผ่นดินไหวต่ำสุด ที่ไม่มีผลต่อการตรวจวัดเมื่อเพิ่มจำนวนสถานี
  2. อีกกรณีของการเลือกขนาดแผ่นดินไหวตัดออกคือ พิจารณาจากขนาดแผ่นดินไหวที่ใหญ่กว่าจุดที่แสดงการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทางด้านซ้ายของการพลอต หรือเรียกง่ายๆ คือส่วนที่เป็นพีคหรือท้องคลื่นของกราฟ

ซึ่งถ้าพิจารณาทั้ง 2 วิธีแล้วได้ค่าขนาดแผ่นดินไหวตัดออกไม่ตรงกัน ผู้เขียนแนะนำให้เลือกขนาดที่มากกว่าเป็นตัวแทนขนาดแผ่นดินไหวตัดออก

รูป ข แสดงสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวเปรียบเทียบอัตราการเกิดแผ่นดินไหวในช่วงเดือนมกราคม-ธันวาคม ค.ศ. 1969 กับเดือนธันวาคม ค.ศ. 1969 -มิถุนายน ค.ศ. 1974 จากฐานข้อมูลแผ่นดินไหวของเมืองปาร์คฟิวลด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยใช้เทคนิคของ Habermann (1983) ซึ่งผลของสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวสามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงในการตรวจวัดเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ โดยจากด้านซ้ายขนาดแผ่นดินไหวที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดอยู่ช่วง 2.1 และ 2.2 (ค่า z ประมาณ 10.05) ซึ่งสอดคล้องกับกราฟด้านขวาที่แสดงจุดที่ค่า z ใกล้ๆ กับ 0 เมื่อขนาดแผ่นดินไหว ≥ 2.2

นอกจากนี้ ในกรณีของ รูป ค เป็นผลการวิเคราะห์ค่า Z จากฐานข้อมูลแผ่นดินไหวระยะไกลจาก Preliminary Determination of Epicenters (PDE) ซึ่งผลผลการวิเคราะห์บ่งชี้ว่ามีการตรวจวัดเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี ค.ศ. 1964 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการติดตั้งเพิ่มเติมของเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหวระดับโลก WWSSN ทำให้หลังจากนั้นการตรวจวัดและการรายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวในหลายๆ ที่ของโลก ทุกขนาดแผ่นดินไหวแสดงอัตราการตรวจวัดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังแสดงในรูป ค

สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวที่แสดงโดยสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมในรูป ค เปรียบเทียบอัตราการเกิดแผ่นดินไหวที่ตรวจวัดได้ในพื้นที่เขตมุดตัวของเปลือกโลกแถบอเมริกา ในช่วงเวลา 1) ระหว่างเดือนมกราคม ค.ศ. 1963 และกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1964 กับ 2) ระหว่างเดือนมีนาคม ค.ศ. 1964- พฤศจิกายน ค.ศ. 1967 จากกราฟจะสังเกตได้ว่าแถบทั้งหมดแสดงการเพิ่มขึ้นอย่างมากของอัตราการเกิดแผ่นดินไหว โดยดูจากค่า z ที่เป็นลบสูง

สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวทางตะวันตกของเกาะเอลูเทียน รัฐอลาสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงเป็นสัญลักษณ์รูปเพชรในรูป ค ในกรณีนี้ช่วงเวลาการเปรียบเทียบของข้อมูลอยู่ระหว่าง 1) เดือนมกราคม ค.ศ. 1963 -ตุลาคม ค.ศ. 1964 และ 2) ตุลาคม ค.ศ.1964 -ธันวาคม ค.ศ. 1966 จะเห็นได้ว่ากราฟการวิเคราะห์ค่า Z จากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นแถบเกาะเอลูเทียนแสดงการเพิ่มขึ้นอย่างมากในทุกๆ แถบขนาดแผ่นดินไหว คล้ายกับผลการวิเคราะห์ในพื้นที่เม็กซิโกและอเมริกากลาง ซึ่งการกระจายตัวระดับโลกของการเปลี่ยนแปลงนี้ สนับสนุนได้ชัดเจนถึงการแปลความหมายที่ว่าการเปลี่ยนแปลงสัมพันธ์กับการติดตั้งของเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหวระดับโลก WWSSN โดยไม่ใช่เกิดจากธรรมชาติหรือโลกที่ดุขึ้น

การตรวจวัดลดลง

ลักษณะการตรวจวัดลดลงของฐานข้อมูลแผ่นดินไหวจะคล้ายกับการตรวจวัดเพิ่มขึ้น แต่สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงนั้นจะแสดงแบบตรงกันข้าม ปัจจุบันนักแผ่นดินไหวพบว่าการตรวจวัดลดลงเกิดขึ้นได้โดยสัมพันธ์กับการปิดการใช้งานของสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหว นอกจากนี้ในกรณีของฐานข้อมูลแผ่นดินไหวปกติอยู่แล้ว แต่เราก็สามารถเห็นการตรวจวัดลดลงในภูมิภาคใดๆ ได้ โดยสัมพันธ์กับการติดตั้งสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวในภูมิภาคอื่นข้างเคียง ซึ่งทำให้รอบบ้านนั้นตรวจวัดแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้น ลักษณะสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวสำหรับการตรวจวัดลดลงแสดงอยู่ในรูป ก โดยมีลักษณะดังนี้

  • การลดลง (ค่า z เป็นบวก) ในชุดข้อมูลที่ประกอบด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เล็กกว่า (ด้านซ้ายของการพลอต)
  • ไม่มีการเปลี่ยนแปลง (ค่า z ใกล้ 0) ในชุดข้อมูลที่ประกอบด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่กว่า (ด้านขวาของการพลอต)
  • ค่า z เป็นบวก โดยตลอดทั่วสัญญาณขนาดแผ่นดินไหว
  • ความสูงเสถียรของ ค่า z (ที่เรียบตรงกลาง) เป็นบวกในชุดข้อมูลที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เล็กกว่า (ดูจากศูนย์กลางของการพลอตจากด้านซ้าย)
รูป ก ลักษณะสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวแสดงการตรวจวัดลดลง
รูป ข สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวในพื้นที่ Kuriles (สัญลักษณ์สี่เหลี่ยม) และพื้นที่เม็กซิโกและอเมริกากลาง (สัญลักษณ์เพชร) แสดงการตรวจวัดลดลงของอัตราการเกิดแผ่นดินไหวเนื่องจากการปิดการใช้งานของเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหว VELA โดยจากรูปนี้ขนาดแผ่นดินไหวตัดออกสำหรับทั้ง 2 พื้นที่อยูื่ที่ขนาด 4.6+
รูป ค สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวสังเกตเห็นได้ในฐานข้อมูลแผ่นดินไหว Adak แสดงการตรวจวัดลดลง โดยขนาดแผ่นดินไหวตัดออกเท่ากับ 2.2+

ขนาดแผ่นดินไหวตัดออกสำหรับการตรวจวัดลดลง ประเมินได้ด้วยวิธีเดียวกับการตรวจวัดเพิ่มขึ้น โดยการ 1) คัดเลือกขนาดแผ่นดินไหวตัดออกค่าต่ำที่สุดในที่ราบเสถียรบนด้านขวาของกราฟที่พลอต หรือ 2) คัดขนาดแผ่นดินไหวตัดออกเหนือชุดข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดทางด้านซ้ายของการพลอต

ความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการตรวจวัดในฐานข้อมูลแผ่นดินไหวสำหรับการทำนายแผ่นดินไหวได้ถูกนำเสนอครั้งแรกโดย Habermann (1982a) โดยเขาได้พบการตรวจวัดลดลงในชุดข้อมูลแผ่นดินไหวระยะไกล ที่สัมพันธ์กับการปิดการใช้งานของเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหว VELA ซึ่งต่อมาก็มีนักแผ่นดินไหวหลายคนพบปรากฏการณ์แบบนี้ (เช่น Habermann, 1982b, 1983; Wyss และ คณะ, 1983, 1984; Habermann และคณะ, 1986)

ตัวอย่างของการปิดการใช้งานเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหวและทำให้ชุดข้อมูลแผ่นดินไหวระยะไกลลดลง (แสดงในสัญลักษณ์รูปเพชรในรูป ข) โดยพบการตรวจวัดลดลงใน เม็กซิโกและอเมริกากลางและสัมพันธ์กับการปิดการใช้งานของเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหว VELA โดยเปรียบเทียบdกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1964-พฤศจิกายน ค.ศ. 1967 และ พฤศจิกายน ค.ศ. 1967-กรกฎาคม ค.ศ. 1973 สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวบ่งชี้ว่าจำนวนของเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดเล็กที่ตรวจวัดในช่วงหลังนั้นมีอัตราน้อยกว่าช่วงแรก สวนพื้นที่ Kuriles (สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมในรูป ข) ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงลักษณะการเปลี่ยนแปลงระดับโลก (Habermann, 1982a)

การเปรียบเทียบในรายละเอียดของการตรวจวัดลดลงในรูป ข แสดงให้เห็นความแตกต่างนิดหน่อยบางอย่าง โดยค่า z สำหรับแถบขนาดแผ่นดินไหวเหนือขนาดแผ่นดินไหวตัดออกในพื้นที่ Kuriles จะใกล้กับ 0 มาก แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในอัตราการรายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่กว่า โดยจะเห็นได้ว่าแถบขนาดแผ่นดินไหวเหนือขนาดแผ่นดินไหวตัดออกจากชุดข้อมูลแผ่นดินไหวในพื้นทที่เม็กซิโกและอเมริกากลางแสดงค่า z เป็นลบ ซึ่งการเพิ่มขึ้นในแถบขนาดแผ่นดินไหวเหล่านี้สามารถเกิดได้จาก 2 สาเหตุ คือ 1) เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นโดยทั่วไปของการตรวจวัดของเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่กว่าในภูมิภาค เนื่องจากการติดตั้งสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา และ 2) เกิดจากการรายงานขนาดแผ่นดินไหวใหญ่เกินจริงอย่างเป็นระบบซึ่งจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

2) การเปลี่ยนแปลงการรายงาน (report change)

การเปลี่ยนแปลงการรายงาน ถูกนำเสนอเป็นครั้งแรกโดย Habermann และ Wyss (1984a) ในการศึกษาพฤติกรรมการเกิดแผ่นดินไหวในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเกิดจากเมื่อมีการตรวจวัดแผ่นดินไหวและบันทึกไว้ในฐานข้อมูล แต่ไม่ได้ระบุขนาดแผ่นดินไหวเอาไว้ในการบันทึกเหตุการณ์แผ่นดินไหว การเปลี่ยนแปลงแบบนี้มักพบในข้อมูลช่วงแรกๆ ที่มีการบันทึกฐานข้อมูลแผ่นดินไหวและในฐานข้อมูลแผ่นดินไหวระยะไกล ซึ่งผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงการรายงานไม่สามารถจำแนกได้อย่างง่ายๆ เพราะซับซ้อนและมีความไม่แน่นอนสูง

รูป ก สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวสังเกตเห็นได้ในรอยเลื่อนซานแอนเดรียส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงการตรวจวัดลดลง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับต้นฉบับในรูป ก โดยขนาดแผ่นดินไหวตัดออกอยู่ที่ 0.9+
รูป ข กราฟความถี่สะสมของจำนวนเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่รายงานตามช่วงเวลาในประเทศชิลี กราฟบนคือแผ่นดินไหวขนาด mb 4.6- (911 เหตุการณ์แผ่นดินไหว) กราฟกลาง mb ≥ 4.7 (665 เหตุการณ์แผ่นดินไหว) และกราฟเส้นล่างคือเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่มีการรายงานขนาดแผ่นดินไหวในมาตรา mb (3,162 เหตุการณ์แผ่นดินไหว) จะสังเกตเห็นว่าการเพิ่มขึ้นอย่างมากในจำนวนเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่ไม่ได้รายงานขนาดแผ่นดินไหว ในช่วงระหว่างปลาทศวรรษที่ 1970 และต้นทศวรรษที่ 1980 และสังเกตได้ว่ามีการลดลงในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีรายงานขนาดแผ่นดินไหวขนาดเล็กด้วยมาตรา mb ในช่วงระหว่างกลางทศวรรษที่ 1970 มีเพียงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รายงาน mb ≥ 4.7 ที่รายงานด้วยอัตราคงที่ที่ต่อเนื่องตลอดช่วงเวลา
รูป ค สัญญาณขนาดแผ่นดินไหว 2 ชุด ในช่วงเวลาเดียวกันของข้อมูลแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทางตอนกลางประเทศชิลี แสดงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่มีการรายงานขนาดแผ่นดินไหว (สัญลักษณ์เพชร) และสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวแสดงสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมไม่ได้เอาเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่มีรายงานขนาดแผ่นดินไหวมาคิด (เหตุการณ์แผ่นดินไหวแสดงเฉพาะในชุดข้อมูลบนด้านซ้ายของการพลอตการฟ ดังนั้นกราฟด้านขวาจึงเหมือนกันกับด้านซ้าย)

ตัวอย่างเช่นฐานข้อมูลแผ่นดินไหวของประเทศชิลีแสดงการเปลี่ยนแปลงการรายงานแผ่นดินไหว เพราะมีการขยายเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหวและมีผลต่อการรายงาน จนสังเกตได้ โดยพบว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวมากมายไม่มีการรายงานขนาดแผ่นดินไหวในมาตรา mb ซึ่งเนื่องจากสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวที่รายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้นใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหวมากไป จนไม่สามารถประเมิน mb ซึ่งเป็นมาตราที่เหมาะกับการรายงานแผ่นดินไหวระยะไกลได้ ซึ่งขนาดแผ่นดินไหวในมาตรา mb ส่วนใหญ่รายงานในฐานข้อมูลแผ่นดินไหว PDE นอกจากนี้ช่วงเวลาของการติดตั้งและการขยายเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหวสามารถ ยังสามารถสังเกตได้ง่ายจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากในจำนวนของเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่มีรายงานขนาดแผ่นดินไหวในมาตรา mb ในฐานข้อมูลแผ่นดินไหว (ดูรูป ข ประกอบ)

ผลกระทบของการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในจำนวนของเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่ได้รายงานขนาดแผ่นดินไหว แสดงได้จากสัญญาณขนาดแผ่นดินไหว (สัญลักษณ์เพชรในรูป ค) โดยสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวนี้เปรียบเทียบอัตราการเกิดแผ่นดินไหวระหว่างเดือนมีนาคม ค.ศ. 1970 -มีนาคม ค.ศ. 1976 และ เดือนมีนาคม ค.ศ. 1976 -พฤษภาคม ค.ศ. 1977

เหตุการณ์แผ่นดินไหวทั้งหมดที่ไม่มีขนาดแผ่นดินไหว ตกอยู่ในชุดข้อมูลด้านซ้ายของการพลอตกราฟ และชุดข้อมูลของทั้งหมดแสดงการเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่าความรุนแรงของการเพิ่มขึ้นจะลดลงเมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่กว่าถูกเพิ่มไปในชุดข้อมูลนี้ด้วย ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เล็กที่สุด ซึ่งมีขนาดน้อยกว่า 4.0 (อันที่จริง คือเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่มีรายงานขนาดแผ่นดินไหว)

นอกจากนี้ ถ้าสนใจในการหาการเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่มีการรายงานขนาดแผ่นดินไหวต้องกำจัดออกก่อน เพราะอัตราถูกควบคุมโดยการตรวจวัดอัตราของการรายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รายงานในมาตรา mb แสดงการลดลงอย่างชัดเจนในอัตราที่ใกล้กับเวลาของการเพิ่มขึ้นในอัตราของการรายงานเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่มีขนาดแผ่นดินไหว ธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสามารถประเมินได้จากสัญญาณขนาดแผ่นดินไหว ซึ่งแสดงในรูปสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมในรูป ค

ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่มีขนาดแผ่นดินไหวยังส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของอัตราการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าลบออกจากการพิจารณา จะพบว่ามีการตรวจวัดลดลง โดยการลดลงนี้เกิดจากที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดเล็กจำนวนมากที่ไม่ได้รายงาน mb ซึ่งการสังเกตครั้งแรกจากสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวนี้ คือ เหมือนกันมากสำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวทั้งหมดที่อยู่บนด้านขวาของการพลอต ผลแบบนี้ทำให้เราทราบว่าความแตกต่างระหว่าง 2 ชุดข้อมูลนี้ มีอยู่ในเพียงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีขนาดแผ่นดินไหว 0 เพราะเหตุการณ์แผ่นดินไหวเหล่านี้แสดงการเปลี่ยนแปลงเฉพาะด้านซ้ายของสัญญาณขนาดแผ่นดินไหว

นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่คาดได้ว่าเป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงประเภทนี้คือ การติดตั้งเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหวระดับภูมิภาค ทำให้มีการเพิ่มขึ้นในจำนวนเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีการรายงานมาตรา mb กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดเล็ก สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวแสดงโดยสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมในรูป ค และกราฟจำนวนสะสมแสดงอยู่ในรูป ข แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงในทางตรงข้ามเกิดขึ้น สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวดูเหมือนการตรวจวัดลดลงทั่วๆ ไป (รูป ก) จำนวนเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รายงาน mb ≤ 4.6 ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาใกล้ๆ กับเวลาที่จำนวนเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ไม่ได้รายงานขนาดแผ่นดินไหว นั้นมีปริมาณเพิ่มขึ้น ลักษณะแบบนี้ทำให้แปลความได้ว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ควรจะรายงาน mb นั้น ไม่ได้รายงานตามการติดตั้งเครือข่ายตรวจวัดแผ่นดินไหวในประเทศชิลี ผลทำให้ได้ขนาดแผ่นดินไหวตัดออก ที่แผ่นดินไหวขนาด mb = 4.7

3) การเปลี่ยนแปลงขนาดแผ่นดินไหว (magnitude change)

การเปลี่ยนแปลงชนิดสุดท้ายเกิดขึ้นเกิดจากการเปลี่ยนรูปแบบการคำนวณขนาดแผ่นดินไหว ทำให้ขนาดนั้นเปลี่ยนไปอย่างเป็นระบบ คล้ายๆ กับการเปลี่ยนแปลงการรายงาน แต่แตกต่างกันตรงที่ความคลาดเคลื่อนของขนาดแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในจำนวนเล็กๆ (0.1-0.5) แทนที่จะเป็น 0 โดยความคลาดเคลื่อนของขนาดแผ่นดินไหวขึ้นอยู่กับทิศทางของการเคลื่อนและชนิดหรือมาตราของขนาดแผ่นดินไหวที่ใช้พิจารณา การลดลงของขนาดแผ่นดินไหวนั้นประเมินได้ยากเพราะมันทำให้เกิดการลดลงของอัตราการเกิดแผ่นดินไหวที่เหนือ ขนาดแผ่นดินไหวตัดออก ในบางระดับขนาดแผ่นดินไหว

รูป ก แสดงต้นฉบับของสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวสำหรับการลดลงของขนาดแผ่นดินไหวซึ่งจำกัดอยู่ในช่วงขนาดแผ่นดินไหวที่แน่นอน ลักษณะคร่าวๆ ของการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ การเกิดขึ้นของค่า z ที่ให้ค่าตรงข้ามกันอยู่กันคนละด้านของกราฟสัญญาณขนาดแผ่นดินไหว ซึ่งบางคนใช้ขนาดแผ่นดินไหวตัดออก (2.0-) หรือ (2.0+) นี้คือสาเหตุว่าทำไมการวิเคราะห์สัญญาณขนาดแผ่นดินไหว จึงมีประโยชน์มากในการประเมินการเปลี่ยนแปลงขนาดแผ่นดินไหว การเพิ่มขึ้นของขนาดแผ่นดินไหวจะแสดงคุณลักษณะเหมือนกันยกเว้นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าต่างกัน

รูป ก สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวสำหรับการลดลงของการรายงานขนาด
รูป ข สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวรายงานขนาดแผ่นดินไหวการลดลงในฐานข้อมูลแผ่นดินไหว CALNET เมืองปาร์คฟิวลด์
รูป ค สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวรายงานขนาดแผ่นดินไหวการลดลงในฐานข้อมูลแผ่นดินไหวของประเทศชิลี

ถ้าลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปพลอต กราฟ FMD จะพบว่าค่า b ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่อัตราการเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละขนาดจะเลื่อนเหลื่อมกันอย่างเป็นระบบในทุกขนาดแผ่นดินไหวความคลาดเคลื่อนของขนาดแผ่นดินไหวนั้นต่างจากการเปลี่ยนแปลงการตรวจวัด ในเรื่องของผลกระทบซึ่งไม่สามารถกำจัดโดยใช้วิธีการตัดจากขนาดแผ่นดินไหวตัดออกแบบทั่วๆ ไป และยากมากในการแปลความหมาย โดยความคลาดเคลื่อนของขนาดแผ่นดินไหวพบครั้งแรกจากการศึกษาฐานข้อมูลแผ่นดินไหวบริเวณตอนกลางของรัฐแคลิฟอร์เนีย (Habermann และ Wyss, 1984b) ซึ่งความคลาดเคลื่อนของขนาดแผ่นดินไหวที่เห็นได้ชัดเกิดขึ้นในชุดข้อมูลแผ่นดินไหวระยะไกล

ตัวอย่างของการลดลงของขนาดแผ่นดินไหวของฐานข้อมูลแผ่นดินไหว U.S. Geological Survey (USGS) สำหรับเมืองปาร์คฟิวลด์บริเวณรอยเลื่อนซานแอนเดรียส ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวแสดงอยู่ในรูป ข โดยเปรียบเทียบอัตราการเกิดแผ่นดินไหว ระหว่าง 19 ธันวาคม ค.ศ. 1979 – 2 กันยายน ค.ศ. 1980 และ 3 กันยายน ค.ศ. 1980-23 มีนาคม ค.ศ. 1982 สัญญาณขนาดแผ่นดินไหวแสดงลักษณะการลดลงของขนาดแผ่นดินไหว (รูป ข) โดยจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงขนาดแผ่นดินไหวของเหตุการณ์แผ่นดินไหวทั้งหมดเป็นไปอย่างอย่างเป็นระบบ โดยขนาดแผ่นดินไหวลดลง 0.15 ทั้งหมด

อีกตัวอย่างความคลาดเคลื่อนของขนาดแผ่นดินไหวของฐานข้อมูลแผ่นดินไหวระยะไกลจากชิลีแสดงในรูป ค โดยเปรียบเทียบระหว่าง 26 สิงหาคม ค.ศ. 1975 – 29 มิถุนายน ค.ศ. 1980 และ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1980 – 21 มีนาคม ค.ศ. 1982 ซึ่งจะสังเกตได้ว่าสัญญาณขนาดแผ่นดินไหวคล้ายกับของเมืองปาร์คฟิวลด์ (รูป ข) และต้นแบบในรูป ก ซึ่งการแปลความหมายของการเปลี่ยนแปลงเกิดจากการรายงานขนาดแผ่นดินไหวลดลงอย่างเป็นระบบที่ 0.2 ในช่วงระหว่างมิถุนายน ค.ศ. 1980 เป็นต้น

. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth

Share:
Slot Toto Slot Gacor Maxwin slot thailand slot toto slot resmi slot thailand slot qris slot gacor maxwin slot gacor maxwin Slot Gacor Maxwin Slot Gacor Maxwin 2024 Situs Slot Gacor 777 Situs Slot Gacor Toto Slot Gacor 2024 Maxwin Slot Gacor Terbaik Slot Gacor 4D Slot Gacor Terpopuler slot gacor maxwin slot toto gacor scatter hitam slot thailand slot777 slot maxwin slot thailand slot toto gacor slot gacor 777 Slot Gacor Thailand slot88 maxwin slot thailand 2024