วิทยาศาสตร์โลกสำรวจเรียนรู้

10 พายุทอร์นาโดที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ทอร์นาโด (tornado) คือ พายุที่มีลักษณะคล้ายกับงวงช้างสีดำ ห้อยลงมาจากเมฆคิวมูโลนิมบัส มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 1 กิโลเมตร แต่มีการหมุนวนของลมด้วยความเร็วสูง บางครั้งอาจสูงถึง 400 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งภายในมวลพายุประกอบด้วยไอน้ำและฝุ่นละออง ตลอดจนวัตถุต่างๆ ที่ถูกลมพัดลอยเข้ามาในตัวพายุ เนื่องจากเมื่อพายุเคลื่อนไปพื้นที่ใด ฐานของพายุจะกวาดทุกอย่างบนพื้นขึ้นไปด้วย 

เพิ่มเติม : ชนิดของ ลม

ทอร์นาโดกลางทุ่งกว้างในประเทศสหรัฐอเมริกา 

ทอร์นาโดเกิดจากมวลอากาศที่เย็นและหนักกว่าลอยผ่านเข้าไปใต้มวลของอากาศที่อบอุ่นและเบากว่า ทำให้เกิดการหมุนวนของลมในแนวราบ เรียก 1) ระยะตั้งต้น (early stage) ต่อมาลมเริ่มยกตัวและเปลี่ยนเป็นการหมุนวนในแนวดิ่ง เรียกว่า 2) ระยะลอยตัว (updraft stage) จากนั้นมีเพิ่มความเร็วลมโดยมีแรงลมกรดมาช่วยเสริมในการหมุนทำให้เส้นผ่านศูนย์กลางลดลง เรียกว่า 3) ระยะทอร์นาโด (tornado stage) เกิดเป็นลำอากาศเป็นเกลียวตั้งสูงขึ้นไปในท้องฟ้า โดยที่บริเวณศูนย์กลางของทอร์นาโดจะมีความเร็วลมสูงที่สุด และมีความเร็วลดลงเมื่อห่างจากจุดศูนย์กลาง 

เพิ่มเติม : ทอร์นาโด (Tornado)

กลไกและระยะการก่อตัวของทอร์นาโด

ในมิติของภัยพิบัติ ทอร์นาโด (Tornado) ถือเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงและสามารถทำลายล้างชีวิตและทรัพย์สินได้ในพริบตา ด้วยเหตุนี้ ทอร์นาโดทั้ง 10 ลูก ที่ผู้เขียนได้รวบรวมและกล่าวถึงในบทความนี้ ถือเป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังของธรรมชาติและความสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติเพื่อป้องกันและลดผลกระทบในอนาคต

1. ทอร์นาโดไตรสเตท (18 มีนาคม ค.ศ. 1925)

ทอร์นาโดไตรสเตท (Tri-State tornado) ถือเป็นทอร์นาโดที่ มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นจากระบบพายุขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเหนือรัฐมิสซูรี ซึ่งสร้างทอร์นาโดหลายลูก พายุนี้ได้รับการจัดประเภทเป็น F5 ซึ่งเป็นการจัดอันดับที่สูงที่สุดในสเกลฟูจิตะ และมันเป็นส่วนหนึ่งของซูเปอร์เซลล์ที่สร้างการระเบิดที่กว้างขวาง สภาพอากาศในขณะนั้นเอื้อให้เกิดทอร์นาโดเนื่องจากการรวมตัวของลมแรงที่หลากหลายความสูง ความชื้น และความไม่เสถียรในชั้นบรรยากาศ

ระดับ F5 ตาม มาตราฟูจิตา (Fujita Intensity Scale) ความเร็วลม 420-513 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระดับความรุนแรง ต้นไม้ฉีกขาดอย่างรุนแรง บ้านดีๆพังและหลุดลอยไปไกล รถลอยไปไกลกว่า 100 เมตร

ผลกระทบ ทอร์นาโดไตรสเตทเดินทางไปไกลกว่า 219 ไมล์ ทำให้มันเป็นทอร์นาโดที่ มีเส้นทางยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ มันทำลายล้างพื้นที่ในรัฐมิสซูรี อิลลินอยส์ และอินดีแอนา โดยเฉพาะเมืองมัร์ฟีสโบโรและเวสต์แฟรงค์ฟอร์ทในรัฐอิลลินอยส์ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก อาคาร โรงเรียน และย่านต่าง ๆ ถูกทำลายจนหมดเกลี้ยง พลังของพายุทำให้ชุมชนทั้งหลายถูกทำลายภายในชั่วขณะ ทอร์นาโดไตรสเตททำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 695 ราย ซึ่งหลายคนถูกขังอยู่ในอาคารที่ถล่มลงมา ทอร์นาโดนี้มีเส้นทางที่กว้างและรุนแรงทำให้มันเป็นหนึ่งในภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์

 หนังสือพิมพ์ลงข่าวความเสียหายจาก ทอร์นาโดไตรสเตท (Tri-State tornado) ถือเป็นทอร์นาโดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา (ที่มา : https://es.m.wikipedia.org)

2. ทอร์นาโดในแบล็คเวลล์ (16 เมษายน ค.ศ. 1968)

ทอร์นาโดในแบล็คเวลล์ (Black Whale) เกิดจากการระเบิดของพายุในพื้นที่โอคลาโฮมาและรัฐใกล้เคียงในเดือนเมษายน 1968 พายุนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างลมที่แรง ความชื้น และความไม่เสถียรในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดทอร์นาโดที่ทรงพลัง

ผลกระทบ ทอร์นาโดนี้ทำลายเมืองแบล็คเวลล์และพื้นที่ใกล้เคียง อาคารและบ้านเรือนหลายหลังถูกทำลายอย่างหนัก ทำให้ชุมชนต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นฟู ทอร์นาโดนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คนและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

tornado 1968 Black Whale

3. ทอร์นาโดในวิชิตาฟอลส์ (10 เมษายน ค.ศ. 1979)

ทอร์นาโดในวิชิตาฟอลส์ เกิดจากระบบซูเปอร์เซลล์ที่พัฒนาในรัฐเท็กซัส สภาพอากาศในขณะนั้นเอื้อต่อการเกิดทอร์นาโดที่รุนแรง เนื่องจากมีลมที่แรงและความไม่เสถียรในชั้นบรรยากาศ

ผลกระทบ ทอร์นาโดนี้พัดผ่านเขตกลางเมืองวิชิตาฟอลส์ ทำลายย่านธุรกิจและพื้นที่ที่อยู่อาศัย อาคารหลายหลังถูกทำลายทั้งหมด และมันเป็นพายุที่มีความเร็วสูง ทำให้ชุมชนต่างๆ ตกอยู่ในภาวะไม่พร้อม ทอร์นาโดนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 42 คนและได้รับความเสียหายจากทรัพย์สินหลายล้านดอลลาร์

4. ทอร์นาโดในเอดมันตัน (31 กรกฎาคม ค.ศ. 1987)

ทอร์นาโดในเอดมันตัน เกิดจากระบบพายุฝนในจังหวัดอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา พายุนี้เกิดจากสภาพอากาศที่มีความไม่เสถียรสูงและลมที่มีความแรงในหลายระดับ ทำให้เกิดทอร์นาโดที่รุนแรง

ผลกระทบ ทอร์นาโดนี้ทำลายพื้นที่ที่อยู่อาศัยและเขตธุรกิจ ทำให้มีการทำลายล้างอาคารและต้นไม้จำนวนมาก เมืองเอดมันตันต้องใช้เวลานานในการทำความสะอาดและฟื้นฟู ทอร์นาโดนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 27 คนและผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน

5. ทอร์นาโดดาอุลัทปุระ-ซาทูเรีย (26 เมษายน ค.ศ. 1989)

ทอร์นาโดดาอุลัทปุระ-ซาทูเรีย (Daulatpur–Saturia tornado) เกิดขึ้นในประเทศบังกลาเทศ และขับเคลื่อนด้วยสภาพอากาศที่รุนแรงซึ่งเกี่ยวข้องกับมรสุมประจำปีของภูมิภาค ทอร์นาโดในภูมิภาคเอเชียใต้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่เมื่อเกิดขึ้นก็สามารถทำลายล้างได้อย่างรุนแรงเนื่องจากพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง ทอร์นาโดนี้เกิดขึ้นจากพายุฝนที่รุนแรงในพื้นที่ที่มีความไม่เสถียรสูงในชั้นบรรยากาศ พร้อมกับอากาศที่มีความชื้นสูง

ผลกระทบ ทอร์นาโดนี้เดินทางประมาณ 40 ไมล์ผ่านพื้นที่ชนบทที่มีประชากรหนาแน่น หมู่บ้านหลายแห่งถูกทำลาย และความเสียหายจากทอร์นาโดเพิ่มขึ้นจากการก่อสร้างที่ไม่มั่นคงของอาคารหลายแห่ง ระบบการเตือนภัยและการเตรียมความพร้อมที่ไม่เพียงพอก็ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ทอร์นาโดดาอุลัทปุระ-ซาทูเรียทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,300 คน และผู้บาดเจ็บอีกหลายพันคน ทอร์นาโดนี้สร้างความเสียหายและกระทบต่อชุมชนถึง 80,000 คน

6. ทอร์นาโดในโอคลาโฮมาซิตี้ (3 พฤษภาคม ค.ศ. 1999)

ทอร์นาโดในโอคลาโฮมาซิตี้ (Oklahoma) เป็นส่วนหนึ่งของการระเบิดทอร์นาโดขนาดใหญ่ในเขตที่ราบใหญ่ของสหรัฐอเมริกา พายุที่สร้างทอร์นาโดนี้มีซูเปอร์เซลล์ที่พัฒนาในสภาพอากาศที่มีความไม่เสถียรสูง พร้อมทั้งมีการไหลเวียนของลมที่แรงในหลายระดับ ทำให้เกิดทอร์นาโดที่รุนแรงและยาวนาน

ผลกระทบ ทอร์นาโดในโอคลาโฮมาซิตี้พัดผ่านเขตชานเมืองและพื้นที่ในตัวเมือง ทำให้บ้านเรือนและธุรกิจหลายแห่งได้รับความเสียหาย บริการสาธารณะถูกตัดขาด และถนนหลายสายไม่สามารถใช้ได้ ทำให้การฟื้นฟูล่าช้า ทอร์นาโดนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 36 คนและผู้บาดเจ็บกว่า 500 คน ซึ่งทำให้การฟื้นฟูและการตอบสนองต่อเหตุการณ์เป็นเรื่องท้าทาย

ทอร์นาโดในโอคลาโฮมาซิตี้ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1999 (ที่มา : https://www.oklahoman.com)

7. ทอร์นาโดในโจปลิน (22 พฤษภาคม ค.ศ. 2011)

ทอร์นาโดในโจปลิน (Joplin) เป็นส่วนหนึ่งของการระเบิดของทอร์นาโดจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาในเดือนพฤษภาคมปี 2011 เกิดจากซูเปอร์เซลล์ที่เกิดขึ้นในสภาพอากาศที่มีความไม่เสถียรสูง และมีการเปลี่ยนแปลงความเร็วและทิศทางของลมในระดับต่างๆ ซึ่งมีผลทำให้เกิดทอร์นาโดที่รุนแรง

ผลกระทบ ทอร์นาโดในโจปลินได้พัดผ่านเมืองโจปลินด้วยความเร็วลมกว่า 200 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำลายพื้นที่ใจกลางเมือง รวมถึงโรงเรียนและโรงพยาบาล โดยมีอาคารมากกว่า 8,000 หลังได้รับความเสียหายหรือถูกทำลาย และทำให้การฟื้นฟูและการให้บริการทางสาธารณสุขของเมืองกลายเป็นเรื่องที่ท้าทาย ทอร์นาโดนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 158 คน และมีผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน ผู้คนจำนวนมากถูกบังคับให้อพยพออกจากบ้านและที่ทำงาน

เพิ่มเติม : พายุ หมุนเขตร้อน

แผนที่โดยกองทัพวิศวกรแห่งสหรัฐฯ (United States Army Corps of Engineers) แสดงเส้นทางความเสียหายของพายุทอร์นาโดขณะเคลื่อนตัวเกือบตรงไปทางทิศตะวันออกผ่านเมืองโจปลิน โดยบริเวณที่ได้รับความเสียหายรุนแรงที่สุดอยู่ใกล้แนวศูนย์กลางของพายุ (ที่มา : U.S. Army Corps of Engineers – Kansas City)

8. ทอร์นาโดในกรีนสเบิร์ก, แคนซัส (4 พฤษภาคม ค.ศ. 2007)

ทอร์นาโดในกรีนสเบิร์ก (Greensburg) เกิดจากระบบพายุซูเปอร์เซลล์ที่พัฒนาในสภาพอากาศที่มีความไม่เสถียรสูง ซึ่งทำให้ทอร์นาโดมีความรุนแรงมาก พายุได้ก่อให้เกิดลมที่แรงมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดการทำลายล้างอย่างรุนแรงในพื้นที่

ผลกระทบ ทอร์นาโดทำลายเมืองกรีนสเบิร์กกว่า 95% รวมถึงอาคารบ้านเรือน โรงเรียน และธุรกิจต่างๆ อาคารหลายหลังถูกทำลายจนหมดสิ้น และเมืองนี้เกือบจะไม่มีความสามารถในการอยู่อาศัยเป็นเวลาหลายเดือน อย่างไรก็ตาม เมืองกรีนสเบิร์กสามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วโดยใช้การก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน ทอร์นาโดในกรีนสเบิร์กทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คนและผู้บาดเจ็บหลายคน

เพิ่มเติม : คลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge)

เมืองกรีนส์เบิร์ก รัฐแคนซัส ได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิงจากพายุทอร์นาโดระดับ F5 (ที่มา : https://en.m.wikipedia.org)

9. ทอร์นาโดทูเปโล-พายน์บลัฟฟ์ (25 เมษายน ค.ศ. 2011)

ทอร์นาโดทูเปโล-พายน์บลัฟฟ์ เกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาในเดือนเมษายนปี 2011 ทอร์นาโดนี้เกิดจากซูเปอร์เซลล์ที่เกิดขึ้นในสภาพอากาศที่ไม่เสถียร ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดพายุที่รุนแรง

ผลกระทบ ทอร์นาโดนี้สร้างความเสียหายแก่เมืองทูเปโลและพายน์บลัฟฟ์ในรัฐมิสซิสซิปปีและอาร์คันซอ บ้านเรือนและธุรกิจหลายแห่งถูกทำลาย นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ล้มและเส้นทางจราจรไม่สามารถใช้ได้ จำนวนผู้เสียชีวิต ทอร์นาโดนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คนและผู้บาดเจ็บหลายสิบคน

10. ทอร์นาโดในบริดจ์ครีก-มูร์ (20 พฤษภาคม ค.ศ. 2013)

ทอร์นาโดในบริดจ์ครีก-มูร์ เกิดจากซูเปอร์เซลล์ที่พัฒนาในสภาพอากาศที่ไม่เสถียร ทำให้เกิดทอร์นาโดที่มีขนาดใหญ่และความรุนแรงสูง ลมที่เปลี่ยนทิศทางและแรงที่มีในชั้นบรรยากาศทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง

ผลกระทบ ทอร์นาโดนี้ทำลายเมืองมูร์และบริดจ์ครีกในรัฐโอคลาโฮมา โดยเฉพาะโรงเรียนประถม 2 แห่ง ที่ถูกทำลายขณะเด็ก ๆ กำลังเรียนอยู่ ทอร์นาโดนี้มีขนาดใหญ่และทรงพลัง ซึ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในทอร์นาโดที่รุนแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในโอคลาโฮมา ทอร์นาโดนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 คนและบาดเจ็บกว่า 200 คน

. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth

Share: