![](https://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2021/02/1-9-0-750x375.jpg)
อุลกมณี (tektite) ถ้าจะให้แปลเป็นไทย คนไทยเคยเรียกเอาไว้และเรียกได้หลายชื่อ เช่น อุลกมณี (นิยมเรียกที่สุด) อุกกามณี หยดน้ำฟ้า แก้วข้าว สะเก็ดดาว คดปลวก พลอยจันทรคราส หรือจะเรียกทับศัพท์แบบฝรั่งไปเลยก็ได้ว่า เทคไทต์ โดยหน้าตาอุลกมณีหรือเทคไทต์ทั่วๆ ไป ก็จะมีลักษณะเป็น ก้อนดำๆ กำถนัดมือ มีเนื้อแก้ว หลายสี (สีดำทึบพบได้มากที่สุด แต่สีน้ำตาล สีเขียวมะกอกก็มีได้) ผิวด้านนอกเป็นหลุมตะปุ่มตะป่ำ รูปทรงก็มีได้หลายแบบ
ชนิดเทคไทต์
ถ้าจะแยกแบบบ้านๆ ในสมัยก่อนชาวบ้านแถบชนบทเชื่อว่าอุลกมณีหรือเทคไทต์นั้น เป็นสะเก็ดดาวหล่นมาจากท้องฟ้า ซึ่งจากรูปลักษ์หรือรูปทรงที่พบเห็นเก็บได้ส่วนใหญ่ ก็จะมีอยู่แค่ 2 รูปทรง คือ แบบทรงกลมและแบบแท่ง ชาวบ้านจึงเชื่อว่าสะเก็ดดาวจากฟากฟ้า ก็น่าจะมีเพศเหมือนมนุษย์บนโลก จึงแบ่งให้เทคไทต์ที่มีรูปทรงเป็นแท่ง คือ อุลกมณีตัวผู้ และส่วนที่มีรูปร่างทรงกลมและที่เหลือ เรียกเป็น อุลกมณีตัวเมีย
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2021/02/1-9-1-907x1024.jpg)
อุกกาบาต (meteorite) คือ เทหวัตถุนอกโลก ตกลงมาบนโลก
อุลกมณี (tektite) คือ เศษหิน เศษดิน เศษทรายทั่วๆ ไป ที่อยู่บนโลกนี่แหละ แต่ช่วงที่มีอุกกาบาตพุ่งมาชนโลก ทรายหลอมละลาย สาดกระเซ็น เย็นและแข็งตัว กลางอากาศ แล้วตกลงสู่พื้นโลกดังเดิม
นอกจากนี้ในทางวิชาการแบ่งเทคไทต์ออกเป็น 2 ประเภทเช่นกัน แต่แบ่งตามลักษณะการเกิด หรือแยกเพื่อย้อนดูภาพตอนตก หรือแบ่งตามพื้นที่ที่สามารถพบเทคไทต์ชนิดนั้นๆ ได้แก่
1) เทคไทต์ชั้น (layered tektite) เป็นเทคไทต์ที่มีลักษณะเป็นแผ่นชั้นปื้นหนา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าน่าจะเกิดจากการที่อุกกาบาตตกกระทบพื้นโลก โดยในพื้นที่ซึ่งมีการตกกระทบจะมีความดันสูงที่สุดขั้วอย่างทันทีทันใด บางครั้งเกิดการแปรสภาพหิน เรียกว่า การแปรสภาพเนื่องจากการตกกระทบของอุกกาบาต (impact หรือ shock metamorphism) แต่โดยส่วนใหญ่ หินที่ถูกตกกระทบเกิดการหลอมละลาย เกิดแร่ชนิดใหม่และเย็นตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเทคไทต์ชั้น หรืออีกนัยหนึ่งในการแปลความทางธรณีวิทยาการพบเทคไทต์ชั้น สื่อว่าตรงที่พบคือจุดที่อุกกาบาตตกกระแทก
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/09/18-3-6.jpg)
2) เทคไทต์กระเซ็น (splash tektite) เกิดจากเมื่ออุกกาบาตตกกระทบพื้นผิวโลก ทั้งไอระเหย เศษหินเกิดการหลอมละลาย และกระเซ็นกระจายไปทั่วโดยรอบหลุม ซึ่งในระหว่างที่เศษหินหลอมเหลวลอยละลิ่วอยู่บนอากาศ จะถูกอากาศปลุกปั่นให้เกิดรูปทรงต่างๆ ตามระยะทางหรือระยะเวลาที่ลอยอยู่บนอากาศก่อนที่จะแข็งตัวและตกลงสู่พื้น เกิดเป็นเทคไทต์กระเซ็น ที่มีรูปทรงแตกต่างกัน หรืออีกนัยหนึ่ง การพบเทคไทต์กระเซ็น แปลความในทางธรณีวิทยาได้ว่าน่าจะมีการตกกระทบของอุกกาบาตในละแวกนั้น
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2021/02/1-18-2.jpg)
นอกจากนี้ เทคไทต์กระเซ็น ยังสามารถแบ่งแยกประเภทตามรูปทรงที่พบได้ ซึ่งแต่ละทรงก็สื่อถึงระยะเวลาที่ลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ หรือระยะห่างจากหลุมอุกกาบาตได้เป็นนัยๆ ได้แก่ 1) รูปทรงกลม เกิดใกล้กลับหลุมอุกกาบาตก้อนหินเหลวเดิมตกอย่างรวดเร็ว 2) รูปแท่ง ก้อนหินเหลวมีเวลาปั่นเป็นแท่ง เนื่องจากมีระยะเวลาลอยอยู่ในอากาศนานขึ้น และแปลความว่าตกไกลจากหลุมมากกว่าเทคไทต์กระเซ็นรูปทรงกลม 3) ดัมเบล เป็นพัฒนาการต่อเนื่องมาจากเทคไทต์กระเซ็นรูปแท่ง อันเนื่องมาจากเวลาที่ลอยอยู่ในอากาศนานขึ้นและระยะทางมากขึ้น
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2021/02/1-9-3-1024x595.jpg)
ซึ่งในเวลาต่อมา ตรงแกนกลางของเทคไทต์กระเซ็นรูปดัมเบลจะคอดเล็กลงเรื่อยๆ เมื่อให้เวลาอยู่ในอากาศนานขึ้น จนสุดท้ายดัมเบลขาดออกจากกันกลายเป็น 4) รูปหยดน้ำ และเทคไทต์กระเซ็นรูปทรงสุดท้าย ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก 5) รูปถ้วย จริงๆแล้วคล้ายกับเทคไทต์กระเซ็นรูปทรงกลม จะแตกต่างกันตรงที่มีรูบุ๋มอยู่ตรงกลาง คล้ายกับเป็นถ้วยตะไลใบเล็กๆ ซึ่งในทางธรณีวิทยาแปลความว่าเทคไทต์กระเซ็นรูปถ้วย กระเซ็นไกลไปจากศูนย์กลางการตกกระทบของอุกกาบาตมากที่สุด
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2021/02/1-9-2-1024x538.jpg)
เพิ่มเติม : อุกกาบาต กับการโหม่งโลก
พื้นที่การไล่ล่าและสนนราคา
ถึงตรงนี้หลายคนคงนึกมันส์อยากไปล่าเทคไทต์ หรือมีเอาไว้ครอบครอง ถามว่าถ้าจะไปล่าเทคไทต์ถึงที่แหล่งด้วยมือตัวเองหาได้ที่ไหนบ้าง บอกเลยเทคไทต์พบกระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ของโลก 5 พื้นที่ใหญ่ๆ ได้แก่ 1) อเมริกาเหนือ 2) แอหริกาแถบไอเวอรี่โคสต์ 3) ออสเตรเลีย 4) ยุโรปตอนกลาง รวมถึง 5) ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรา
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2021/02/1-9-4-1024x676.jpg)
ในประเทศไทยก็มีเทคไทต์เช่นเดียวกัน โดยพบมากแถบ จังหวัดอุบลราชธานี และมุกดาหาร ส่วนบุรีรัมย์ สุรินทร์และ โคราช พบบ้างประปราย ซึ่งส่วนใหญ่จะพบฝังอยุ่ตามชั้นทรายในแม่น้ำมูล
เรื่องสนนราคามูลค่าเทคไทต์ เอาจริงๆ เทคไทต์มีขายกันเกลื่อนทั้งออนไลน์ ไปจนถึงตามแผงพระในตลาดสดตลาดนัด ราคาใน ebay ก็เปิดอยู่ในช่วง หลักร้อย-หลักพัน ต่อให้เอามาเจียรนัย อัดกรอบ ขึ้นเรือน ราคาก็ยังอยู่ในช่วง หลักพัน-หลักร้อย ดังนั้นเทคไทต์ จึงหาใช่เหล็กไหลหลวงปู่เค็ม ราคาหลักล้านไม่ ยังไงก็อย่าหลงกล ตกเป็นเหยื่อของความเชื่อความศรัทธากันนะครับ เอาแค่พอประมาณในราคาจากความชอบพอในสีในสัน อย่าเผลอไปให้ราคากับความศักดิ์สิทธิ์หรืออภินิหารในเทคไทต์
กับเรื่องเล่าขาน ครั้งหนึ่งอุกกาบาตเคยโหม่งโลกแถบไทย-ลาว
อย่างที่เล่าไปว่า ประเทศไทยก็มีเทคไทต์กระจัดกระจายฝังตัวอยู่แถบภาคอีสานตะวันออก และก็ได้ข่าวว่าทางฝั่งลาว แถวๆ จำปาสัก สุวรรณเขต ก็พบเทคไทต์เช่นกัน พบกันเป็นล่ำเป็นสัน พบกันมานานแล้ว แต่ที่พบทั้งหมดนั้นเป็น เทคไทต์กระเซ็น (splash tektite) แสดงว่าที่เราพบๆ กัน เป็นแค่ได้ชื่อว่า ละแวกของตำแหน่งที่อุกกาบาตโหม่งโลก แล้วหลุมอุกกาบาตอยู่ตรงไหน ? คงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แถวๆ ไทยๆ ลาวๆ นี่แหละ มีใครเคยพบ เทคไทต์ชั้น (layered tektite) บ้างไหมเอ่ย ? คำถามเหล่านี้เป็นคำถามที่ยังคงค้างคาใจนักธรณีวิทยาทั้งไทยและเทศมานานกว่า 10-20 ปี หลายคนรวมทั้งผู้เขียน พยายามตามหาจากการสอดส่องจากห้วงอวกาศผ่าน ภาพถ่ายดาวเทียม (satellite image) แต่ก็ไม่เคยมีใครพบร่องรอยของหลุมอุกกาบาตเลยแม้แต่เงา จนกระทั่ง…
ทีมนักวิจัยหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งลาว ไทยและเทศ ได้เข้าไปสำรวจและพบว่าในพื้นที่ที่เรียกว่าที่ ราบสูงโบลาเวน (Bolaven Plateau) ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศลาว มีหลักฐานที่สือได้ใกล้เคียงที่สุดว่า น่าจะเป็นหลุมอุกกาบาตที่เราเคยตามหากันในอดีต โดยเชื่อว่าก่อนหน้าที่อุกกาบาตจะตก พื้นที่แถบโบลาเวน เคยมีการไหลหลากของลาวาบะซอลต์ ซึ่งเมื่ออุกกาบาตตกกระทบ หลังจากนั้นก็มีลาวาชุดใหม่ไหลหลากเข้ามาปิดทับหลุมอุกกาบาตอีกที ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินไปตามครรลองจนถึงปัจจุบัน
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2021/02/1-9-6-991x1024.jpg)
หลักฐานที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ยืนยันคือพบว่า 1) ชั้นหินที่อยู่เหนือลาวาไหลหลากบนสุดมีองค์ประกอบทางเคมีคล้ายกับเทคไทต์ 2) อายุลาวาด้านบนน้อยกว่า 790,000 ปีก่อน ส่วนลาวาด้านล่างอายุมากกว่า 790,000 ปี สอดคล้องกันดีในเชิงลำดับเวลา ที่ว่าอุกกาบาตตกประมาณ 790,000 ปีก่อน ก่อน 3) ผลการสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ (สนามแรงโน้มถ่วงโลก) แสดงค่าความผิดปกติของสัญญาณ กระจายตัวให้เห็นในลักษณะที่เหมือนกับจะเป็นหลุมอุกกาบาต โดยมีพื้นที่ประมาณ 17 × 13 ตารางกิโลเมตร และ 4) พบเศษซากหินทรายและหินโคลนที่เหมือนกับแตกหลุดอย่างรุนแรงกระจายอยู่ทั่วในรัศมีกว่า 20 กิโลเมตร จากพื้นที่ที่คาดว่าเป็นหลุมอุกกาบาต
ด้วยหลักฐานที่นักวิทยาศาสตร์นำมาแสดงทั้ง 4 ข้อนี้ ทำให้สรุปในเบื้องต้นได้ว่า มีอุกกาบาตตกกระทบบริเวณที่ราบสูงโบลาเวน และหลังจากนั้นจึงมีการไหลหลากของลาวา มาปิดทับหลุมอุกกาบาตอีกที ซึ่งนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นหลุมอุกกาบาตได้จากภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่งผลจากการกำหนดอายุหินบะซอลต์ สอดคล้องกันมากกับลำดับเวลาการเกิดก่อนหลัง ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงสรุปว่าที่ราบสูงบริเวณเป็นพื้นที่ที่อุกกาบาตตกกระทบเมื่อเวลา 790,000 ปีก่อน
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth