![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/08/24-85-0-750x375.jpg)
ข้อสังเกตทางธรณีวิทยา สู่เจตนาการซ่อนแอบโบราณ เขาปลายบัด บุรีรัมย์
ภาพปก : ประติมากรรมสำริด ที่ขุดพบในพื้นที่ปราสาทเขาปลายบัด ๒
นอกเหนือจาก ปราสาทหินพนมรุ้ง (บนเขาพนมรุ้ง) และ ปราสาทเมืองต่ำ (ที่ราบตอนล่างเชิงเขา) เขาปลายบัด อ. ประโคนชัย จ. บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นภูเขาไฟยุคใหม่ทางตอนใต้ของเขาพนมรุ้ง ถือเป็นอีกหนึ่งดินแดนแห่งศาสนสถานโบราณที่สำคัญในทางโบราณคดี เพราะปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดี ว่าบนเขาปลายบัดมีปราสาทในวัฒนธรรมเขมรโบราณอยู่ 2 หลัง คือ ปราสาทเขาปลายบัด ๑ ที่ตั้งอยู่บนสันเขาทางตะวันออก และ ปราสาทเขาปลายบัด ๒ ทางตะวันตกของตัวเขาปลายบัด ซึ่งเชื่อว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวสถานใน ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลัทธิไศวนิกาย โดยต่อมา จากการแปลความศิลาจารึกที่ขุดพบในพื้นที่ ระบุศักราชตรงกับ พ.ศ. 1468 ในรัชสมัยของ พระเจ้าศรีอีสานวรมัน
ในละแวกพื้นที่พนมรุ้ง มีภูเขาไฟยุคใหม่ หรือ ยุคควอเทอร์นารี (Quaternary) ในทางธรณีวิทยาอยู่ 3 ลูก หลักๆ คือ 1) เขาอังคาร 2) เขาพนมรุ้ง และ 3) เขาปลายบัด และอีก 2 ลูกเล็กๆ คือ 4) เขาคอก และ 5) เขาหลุบ (เขาดุม)
![](https://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/03/24-21-1-904x1024.jpg)
- ปราสาทหินพนมรุ้ง : https://goo.gl/maps/Tq61CCTKu5Z28aFNA
- ปราสาทเมืองต่ำ : https://goo.gl/maps/xcu8cV4qUP5Xf9Yq5
- ปราสาทเขาปลายบัด ๑ : https://goo.gl/maps/khwybN6LyBMkkpee8
- ปราสาทเขาปลายบัด ๒ : https://goo.gl/maps/U5pWifK1X3pFypgv9
ในมุมเรื่องเด่น-ประเด็นร้อน ปัจจุบันปราสาทเขาปลายบัด ๒ ดูจะมีความฮอตฮิตมากกว่าปลายบัด ๑ เนื่องจากมีสตอรี่ว่า ในอดีตเมื่อกว่า 50 ปีก่อน กลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ ได้ขุดพบ ประติมากรรมสำริด (พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ ฯลฯ) จำนวนมากกว่า 300 องค์ ซึ่งเป็น ศิลปะเขมรแบบไพรเกมง-กำพงพระ กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 13 (พ.ศ. 1200-1299) (ที่มา : www.matichon.co.th) โดยเมื่อเทียบเคียงกับอายุของตัวปราสาทเขาปลายบัด (จารึก พ.ศ. 1468) ลำดับอายุกันได้ว่า ประติมากรรมสำริดที่ขุดพบ แก่กว่า ตัวปราสาทเขาปลายบัดประมาณ 170-270 ปี
ก่อน – หลังบูรณะ
ความจริงแล้ว ผู้เขียนก็ไม่ได้มีวาสนาไปเห็นกับตา ว่าปราสาทเขาปลายบัด ๒ ในเวอร์ชั่นก่อนบูรณะ มีสภาพพื้นที่เป็นอย่างไร แต่ที่ค้นดูภาพเก่าๆ จากหลายที่มาและเปรียบเทียบรูป before – after พบว่าก่อนที่จะมีการบูรณะ ตัวปราสาทนั้นถูกถม จมอยู่ใต้ดินไปกว่าครึ่งตัว ซึ่งก็คงไม่น่าเอะใจอะไร ถ้าตัววัสดุที่ทับถมนั้นคือดินหรือเศษอิฐ ที่เราคงคาดเดากันได้ไม่ยากว่า น่าจะมาจากการขุดหาของโบราณเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน
![](https://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/08/24-85-1-1024x673.jpg)
แต่สิ่งที่ชวนฉงน จากการไปดูตัวปราสาทของจริง หลังการบูรณะ พบว่าชั้นดินดั้งเดิมก่อนการบูรณะ ที่ยังหลงเหลือให้เห็นตามโคนต้นไม้ เผยให้รู้ว่า นอกจากดินและเศษอิฐที่คลุกเคล้ากันมั่วซั่ว ในชั้นดินโดยเฉพาะช่วงบน ยังพบก้อน หินบะซอลต์ (basalt) จำนวนมากปะปนอยู่ด้วย นี่จึงเป็นที่มาของการตั้งข้อสังเกตว่า หินบะซอลต์เหล่านี้มาจากไหน มา (เคย) เป็นตัวทับถมพื้นที่รอบปราสาทได้ยังไง
ถึงแม้ว่าจะมีการขุดค้นลงไปจนถึงฐานตัวปราสาท และมีการขนย้ายวัสดุส่วนที่คุมตัวปราสาทออกไป แต่จากความต้องการอนุรักษ์ต้นไม้เอาไว้ กรมศิลปากรจึงเหลือดินโดยรอบต้นไม้ ในละแวกปราสาทเอาไว้อย่างดี เผยให้เห็นลำดับของชั้นตะกอนที่ทับถม ก่อนที่จะมีการบูรณะได้อย่างชัดเจน
![](https://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/08/24-85-3-1024x1020.jpg)
เพิ่มเติม : ฤา หินบะซอลต์ เขาพนมรุ้ง-ปลายบัด จะเคยผ่านมือชาย
ขอชวนสังเกตทางธรณีวิทยา
ประเด็นการถูกทับถมของโบราณสถานเมื่อถูกปล่อยร้างไปตามกาลเวลา ในทางธรณีวิทยาอธิบายได้ 2 แบบ คือ 1) การทับถมจากกระบวนการทางน้ำ ในกรณีที่พื้นที่โบราณสถานเป็นที่ลุ่มต่ำ ต่ำกว่าพื้นที่ข้างเคียง และ 2) การทับถมจากกระบวนการการพัดพาตะกอนโดยลม ก็สามารถเป็นไปได้ หากพื้นที่นั้นมีลมพัดแรง และตัวโบราณสถานเป็นตัวกั้น กรองลมให้ตะกอนตกทับถม
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/12/8-4-1-1024x549.jpg)
![](https://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/08/24-84-3.jpg)
เพิ่มเติม : ทำไมของโบราณต้องฝังอยู่ใต้ดิน ? แล้วทำไม นักโบราณคดีต้องขุด ?
ดูจะย้อนแย้งอยู่พอสมควร หากจะใช้ทั้ง 2 หลักการทางธรณีวิทยานี้ มาอธิบายการมีอยู่ของหินบะซอลต์ ภายในอาณาเขตของกำแพงรอบปราสาท ในกรณีของ ลมพัดหิน ตัดทิ้งไปก่อนได้เลย อภินิหารเกิ๊นนน หรือถ้าจะว่าไหลตามน้ำมา ก็แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะเทียบไซต์ดูแล้ว ก็มีแต่หินบะซอลต์ก้อนใหญ่ ไม่มีเล็กกว่ากำมือ รวมทั้งเมื่อพิจารณาพื้นที่ตั้งตัวปราสาทปลายบัด ๒ แล้ว พบว่าเป็นแนว เนิน (ridge) มากกว่าที่จะเป็น ร่อง (valley) นั่นหมายความว่า หินบะซอลต์ทุกก้อน ที่อยู่บนพื้นผิวภายในตัวปราสาท ณ วันนั้น วันก่อนที่จะมีการบูรณะ คือหินที่ถูกขนย้ายมา และจุดสำคัญมันอยู่ที่ว่า ระดับ (level) ที่พบหินบะซอลต์เหล่านี้ อยู่สูงกว่าฐานปราสาทชัดเจน ดังนั้นจากข้อสังเกตเล็กๆ และหลักคิดสั้นๆ ในทางธรณีวิทยา ที่ว่ามาทั้งหมด จึงพอที่จะลำดับเรื่องราว จัดตัวละครออกฉากได้ ดังนี้
- คนโบราณสร้าง ประติมากรรมสำริด ช่วงปี พ.ศ. 1200-1299
- อีกประมาณ 170-270 ปีต่อมา จึงมีการสร้างปราสาทเขาปลายบัด ๒ ในปี พ.ศ. 1468 (ข้อมูลจารึก)
- หลังปี พ.ศ. 1468 ประติมากรรมสำริด ในศาสนาพุทธ ถูกรวบรวมมาไว้ในที่เดียวกัน ในพื้นที่ปราสาทของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู อย่างปราสาทเขาปลายบัด ๒ แปลความได้ว่า พระพุทธรูปน่าจะมาในวันที่ปราสาทเลิกใช้งานแล้ว (เพราะถ้าความเป็นพราหมณ์-ฮินดู ยังฉายแสงอยู่ ดูท่าพระพุทธท่านคงเข้ามาไม่ได้)
- หลังจากประติมากรรมสำริดมาถึง ทั้งตัวปราสาทภายในกำแพงแก้ว และโบราณวัตถุอื่นๆ ก็ถูกกลบ ทับถมด้วยเศษดินและหินบะซอลต์ ที่ยืนยันได้ในทางธรณีวิทยาว่า คนขนมา
จึงเดาเจตนาของวันนั้นได้ว่า ทีมงานน่าจะจงใจเอาสมบัติ (ประติมากรรมสำริด) มาซ่อนแอบไว้ ในปราสาทร้าง เพื่อไม่ให้ใครรู้ใครเห็น … เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้ 😌
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth