
รวม ชุดข้อมูลบรรเทาภัยพิบัติน้ำท่วม จากมิตรเอิร์ธ (mitrearth)
มิตรเอิร์ธ (mitrearth) คือชื่อของแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์โลก ธรณีวิทยา ภูมิศาสตร์และธรณีโบราณคดี ที่เผยแพร่สู่สาธารณะ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ www.mitrearth.org และ www.facebook.com/mitrearth โดยมีเจตนาดีเดียว คือต้องการที่จะยืนอยู่อย่างมิตร คอยเป็นเพื่อนคู่คิด เคียงข้างไปกับทุกคนที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับ โลกในมุมกายภาพ ด้วยเจตนารมย์อย่างที่ว่า มิตรเอิร์ธจะคอยสนับสนุนก้อนความรู้ดิจิตอลในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งสื่อการเรียน-การสอน สำหรับน้อง ๆ หนู ๆ นักเรียนและคุณครู คอยส่งต่อคลังข้อมูลภูมิประเทศ เพื่อสนับสนุนการสำรวจและศึกษาวิจัยในเชิงพื้นที่ รวมไปถึง ชุดข้อมูลภูมิศาสตร์ เพื่อช่วยในการวางแผนตั้งรับและบรรเทาความรุนแรงของธรณีพิบัติภัย ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งอุทกภัยหรือพิบัติภัยจากน้ำท่วม ก็คือหนึ่งในนั้น
จากห้วงเวลาของภัยพิบัติน้ำท่วมเป็นวงกว้างในพื้นที่ภาคเหนือและพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา มิตรเอิร์ธได้มีโอกาสสนับสนุนส่งมอบชุดข้อมูล สารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ กระจายลงสู่พื้นที่ภัยพิบัติ เพื่อให้ทั้งภาคประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ได้นำไปใช้ประกอบการวางแผนหรือบริหารจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น โดยรูปแบบของข้อมูลที่จัดทำขึ้นและส่งมอบไป อยู่ในรูปของ 1) ไฟล์แผนที่ภูมิประเทศ ที่เอื้อต่อการมองภัยในภาพรวม และ 2) ข้อมูลดิจิตอลไฟล์ Google Earth (.kmz) ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น คลอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ โดยในแต่ละชุดข้อมูลจะถูกแบ่งย่อยออกเป็นรายจังหวัด ครบทั้ง 77 จังหวัดของไทย ซึ่งมีความหลากหลายของรูปแบบข้อมูล เพื่อโต้ตอบตามโจทก์ หรือหน้าตาของภัยที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่และห้วงเวลา โดยมีรายละเอียดของข้อมูล ดังนี้
เพิ่มเติม : ชนิดและภูมิลักษณ์ของธารน้ำ

1) ข้อมูลภูมิประเทศ 3 มิติ
ชุดข้อมูลภูมิประเทศ 3 มิติ ซึ่งครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดของไทย จัดทำขึ้นจากข้อมูลดิบเดิมของ แบบจำลองระดับสูงเชิงเลข (Digital Elevation Model, DEM) ที่ตรวจวัดได้จากดาวเทียม ด้วยความละเอียดของข้อมูล 30×30 เมตร โดยแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปของไฟล์ Google Earth (.kmz) เหมาะสำหรับประชาชนทั่วไป สามารถนำไปใช้เปิด ๆ ปิด ๆ บน “โปรแกรม Google Earth” เพื่อเปรียบเทียบกลับไป-กลับมา ระหว่างข้อมูลภูมิประเทศสูง ๆ ต่ำ ๆ จากมิตรเอิร์ธ และข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมจริงจาก Google Earth เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถพินิจพิเคราะห์ได้ด้วยตนเองว่า พื้นที่ที่สนใจหรือพื้นที่พิบัติภัย คืออวัยวะส่วนใดของโลก ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา (mountain) เนินตะกอนเชิงเขา (colluvium) ร่องน้ำ (valley) ที่ราบน้ำท่วมถึง (floodplain) ฯลฯ ซึ่งการได้รับรู้ข้อมูลดังกล่าว จะช่วยให้เข้าใจและมองหน้าตาความเป็นไป ของกระบวนการโลกที่จะผ่านเข้ามาในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น หากพื้นที่เป็นที่สูงชันบนภูเขา กระบวนการผุพังของหน้าดินจะสูงกว่าปกติในภาวะปกติ และมีโอกาสไม่น้อยที่จะประสบพบกับภัยพิบัติดินถล่ม ในห้วงเวลาที่มีฝนตกปริมาณมาก หรือหากพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่บนเนินตะกอนเชิงเขา เมื่อมีฝนตก มวลน้ำมักจะไหลหลากอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ในขณะที่ที่ราบน้ำท่วมถึงก็จะมีโอกาสสูงที่จะเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง หากมวลน้ำมีปริมาณมากเกินที่แม่น้ำจะรับได้ ดังนั้นชุดข้อมูลดังกล่าวจึงช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน ในการวางแผนการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ทั้งในช่วงเวลาสงบร่มเย็น และในห้วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติทางน้ำขึ้น
ดาวน์โหลดข้อมูล :
1) แผนที่ภูมิประเทศ 3 มิติ (ไฟล์รูปภาพ PDF)
2) ข้อมูลภูมิประเทศ 3 มิติ (ไฟล์ Google Earth .kmz)


2) ข้อมูลพื้นที่อ่อนไหวต่อภัยดินถล่ม
ปัจจุบันต้องยอมรับว่า มีประชาชนคนไทยจำนวนไม่น้อย ที่จำต้องตั้งถิ่นฐานอยู่บนภูเขาหรือที่สูงชัน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนชาวไทยภูเขา ที่อยู่อาศัยสืบทอดกันมาตามวิถีของบรรพบุรุษ หรือพื้นที่ตามหมู่เกาะท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของไทย ที่กลไกทางเศรษฐกิจผลักดันให้คนในพื้นที่ ต้องเบียดเสียดขึ้นไปสร้างสิ่งปลูกสร้างบนภูเขา อย่างเช่นที่เห็นได้ชัดคือ เกาะภูเก็ต เกาะช้าง เกาะพะงันเกาะสมุย ฯลฯ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีความอ่อนไหวที่จะได้รับหรือประสบกับภัยดินถล่มทั้งในสภาวะปกติที่ดินสูญเสียเสถียรภาพไปตามกาลเวลา หรือในห้วงสถานการณ์ที่มีตัวเร่งตัวกระตุ้นอย่างปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่
เพิ่มเติม : 6 รูปแบบภัยพิบัติจากการย้ายมวล กับความเข้าใจเรื่องดินถล่ม


ชุดข้อมูลความชันของพื้นที่ทั้ง 77 จังหวัด จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนได้รับรู้และตระหนักในสภาพพื้นที่ของตน ว่ามี ความชัน (slope) มากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นปัจจัยตั้งต้นหลักสำคัญของการเกิดภัยพิบัติ ดินถล่ม (landslide) โดยนำเสนอข้อมูลในแต่ละจังหวัดในรูปแบบ จุด แสดงความชันตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งโดยปกติตามทฤษฎี พื้นที่ที่มีความชัน 15-45 องศา จะมีความอ่อนไหวต่อการเกิดดินถล่ม โดยความอ่อนไหวจะสูงขึ้นล้อไปตามความชันที่มากขึ้น ส่วนพื้นที่ที่มีความชันมากกว่า 45 องศา ก็จัดว่ามีความอ่อนไหวสูงมาก ซึ่งก็ไม่ควรอยู่หรือเข้าใกล้ หากต้องการความปลอดภัยจากภัยพิบัติดินถล่ม
ดาวน์โหลดข้อมูล : ข้อมูลพื้นที่อ่อนไหวต่อภัยดินถล่ม (ไฟล์ Google Earth .kmz)

3) ข้อมูลจุดอ่อนไหวดินโคลนไหลหลาก
จากชุดข้อมูลพื้นที่อ่อนไหวต่อภัยดินถล่ม ที่มิตรเอิร์ธจัดทำไว้ให้ เพื่อประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่ตามภูเขา อีกรูปแบบของภัยที่ขยับออกมาจากภูเขาสู่ที่ราบคือภัยพิบัติที่เรียกว่า เศษหิน-ดิน-โคลน ไหลหลาก (debris-earth-mud flow) ซึ่งมีความแตกต่างจากภัยอื่น ๆ อย่างชัดเจน ทั้งเรื่องสาเหตุต้นตอของภัย รูปแบบการเกิดภัย พื้นที่เสี่ยง และรัศมีการทำลายล้างของภัย ที่กินวงกว้างแตกต่างและสูงกว่าภัยพิบัติทางน้ำอื่น ๆ

สรุปกลไกการเกิดภัยแบบย่อ ๆ คือ เมื่อมีฝนตกหนักในภูเขา หากร่องเขามีโครงข่ายเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ และมีทางออกของน้ำไหลออกมาสู่ที่ราบด้านล่าง มวลน้ำที่อยู่ในโครงข่ายร่องเขาเดียวกันจะรวมตัวกัน ไหลหลากและสามารถควักเอาเศษหินดินโคลนที่ตกค้างอยู่ตามร่องเขาติดตัวน้ำมาได้ด้วย และเมื่อไหลออกจากหุบเขาสู่ที่ราบ มวลเศษหินดินโคลนดังกล่าว จะถูกฉีดสาดออกมาทับถมพื้นที่บริเวณหน้าเขา ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาก็มีหลายกรณี ที่เหตุการณ์เช่นนี้กลายเป็นพิบัติภัย สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินให้กับหลายชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขา ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ภัยพิบัติดินโคลนไหลหลากในพื้นที่บ้านน้ำก้อ-น้ำชุน จังหวัดเพชรบูรณ์ ในปี พ.ศ. 2544 พื้นที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ในปี พ.ศ. 2549 รวมไปถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ในปี พ.ศ. 2567
ดาวน์โหลดข้อมูล : ข้อมูลจุดอ่อนไหวดินโคลนไหลหลาก (ไฟล์ Google Earth .kmz)

เพื่อที่จะช่วยบรรเทาและสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ มิตรเอิร์ธได้จัดทำชุดข้อมูลวิเคราะห์จุดเสี่ยงภัยเศษหินดินโคลนไหลลากครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย ซึ่งประกอบไปด้วยชุดข้อมูล 1) จุดรูรั่วจากภูเขา หรือตำแหน่งที่มีร่องน้ำไหลออกมาจากภูเขา 2) ขอบเขตพื้นที่ลุ่มน้ำของแต่ละจุดรั่ว ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ พิจารณาได้ว่ารูรั่วใดน่ากลัวกว่ากัน โดยรูรั่วที่ไหลออกมาจากโครงข่ายร่องเขาหรือลุ่มน้ำขนาดใหญ่ มีแนวโน้มที่จะเกิดภัยพิบัติดินโคลนไหลหลากได้ง่าย ๆ หากมีฝนตกในพื้นที่เขาที่เกี่ยวข้อง และ 3) แนวเส้นทางที่มวลน้ำและเศษหินดินโคลนจะไหลออกมาจากรู ซึ่งจะช่วยให้สามารถประเมินได้ว่าพื้นที่ใดบ้างที่มีโอกาสได้รับผลกระทบ ซึ่งหากชุมชนใดอาศัยอยู่ในแนวหลาก ในห้วงเวลาปกติควรมีการซักซ้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติ และควรมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษในห้วงเวลาที่อ่อนไหวต่อภัย เช่นในกรณีที่มีฝนตกหนักในพื้นที่
4) ข้อมูลแนวร่องน้ำ
ข้อมูล แนวร่องน้ำ (valley) เป็นอีกหนึ่งชุดข้อมูลภูมิประเทศ ที่มีประโยชน์อย่างมากต่อการวางแผนการใช้พื้นที่ โดยมิตรเอิร์ธได้จัดทำขึ้นจากการวิเคราะห์ สารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อสกัดพื้นที่ที่ต่ำกว่าพื้นที่ข้างเคียง ดังนั้นถึงแม้ว่าในภาวะปกติจะไม่มีธารน้ำ (stream) หรือแม่น้ำ (river) ไหลผ่าน แต่เมื่อมีฝนตกลงในพื้นที่ แนวร่องน้ำ (valley) เหล่านี้ จะแสดงตัวเป็นแนวน้ำที่ไหลมารวมและเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ โดยชุดข้อมูลที่จัดเตรียมให้ ได้จัดเรียงลำดับของแนวร่องน้ำตามขนาดของพื้นที่ที่สามารถรวมรับน้ำได้ และแสดงออกมาในรูปของสีและความหนาในแต่ละเส้น เช่น สีฟ้า หมายถึง แนวร่องน้ำสั้น ๆ บริเวณต้นน้ำ ที่มีพื้นที่รับน้ำไม่มาก แต่เมื่อโครงข่ายเส้นสีฟ้ารวมกันหลาย ๆ เส้น จะแสดงเป็นเส้นสีเขียว สีเหลือง สีส้ม และสีแดง ตามลำดับ ซึ่งจะหมายถึงขนาดของพื้นที่รับน้ำที่สูงขึ้นตามลำดับ โดยมีนัยที่สื่อถึงปริมาณน้ำที่สามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีพิบัติภัย
ดาวน์โหลดข้อมูล : ข้อมูลแนวร่องน้ำ (ไฟล์ Google Earth .kmz)


เพิ่มเติม : รำลึกมหาอุทกภัยปี 2554 – ถอดบทเรียนเพื่อป้องกันภัยตามแนวคิดทางธรณีสัณฐานวิทยา

ในส่วนของการใช้งานชุดข้อมูลแนวร่องน้ำ ในสภาวะปกติที่ไม่มีภัยพิบัติน้ำท่วม ข้อมูลชุดนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการวางแผนการใช้ที่ดิน โดยพื้นที่ที่อยู่ตามแนวร่องน้ำดังกล่าว ไม่เหมาะอย่างยิ่งต่อการอยู่อาศัย เนื่องจากเมื่อฝนตกในพื้นที่จะเป็นแนวขี้มวลน้ำมีโอกาสไหลผ่าน หรือหากต้องการขุดหรือจัดทำแหล่งน้ำ การจัดทำในพื้นที่ตามแนวหรือใกล้แนวร่องน้ำเหล่านี้ ก็จะทำให้มีน้ำเข้ามาเติมแหล่งน้ำได้ง่ายขึ้นได้มากขึ้น นอกจากนี้ในภาวะภัยพิบัติยังสามารถช่วยวิเคราะห์ได้ว่ามวลน้ำที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่จะไหลต่อไปในทิศทางใด ตามแขนงของร่องน้ำ

5) ข้อมูลจุดเสี่ยงน้ำตัดถนน
จากเหตุการ์ภัยพิบัติน้ำท่วมในประเทศไทย ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา หนึ่งในข้อสังเกตที่น่าสนใจในมิติของภัยคือพบว่า บางเหตุการณ์น้ำท่วม เกิดจากมวลน้ำไม่สามารถระบายลงสู่แหล่งน้ำได้อย่างสะดวกทันเวลา ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมขังอันเนื่องมาจากรอการระบายในหลายพื้นที่ และจากการวิเคราะห์ทางภูมิศาสตร์ พบว่าสาเหตุหลักของการท่วมขังมักเกิดจาก ถนนในแต่ละพื้นที่ที่ร้อยเรียงเชื่อมโยงกันเป็นโครงข่าย และทำหน้าที่เป็นเหมือนขอบ เหมือนกรอบกีดขวาง กั้นมวลน้ำเอาไว้ ถึงแม้ว่าในบางพื้นจะมีท่อระบายน้ำ แต่จากการสำรวจพบว่ามีอีกหลายพื้นที่ ที่ถนนปิดขวางกั้นแนวร่องน้ำอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำท่วมขังในพื้นที่แคบๆ ที่ล้อมรอบโดยโครงข่ายถนนดังกล่าว
ดาวน์โหลดข้อมูล : ข้อมูลจุดเสี่ยงน้ำตัดถนน (ไฟล์ Google Earth .kmz)

ต่อเนื่องจากชุดข้อมูลแนวร่องน้ำ เพื่อที่จะปรับปรุงหรือบรรเทาภัยพิบัติที่เกิดจากเหตุถนนขวางน้ำ มิตรเอิร์ธยังจัดทำชุดข้อมูล แสดง จุดที่แนวถนนวางตัวตัดขวางกับแนวร่องน้ำ (valley) ซึ่งเป็นจุดเสี่ยง ที่จะเกิดภาวะน้ำหลากล้นข้ามถนน หรือจุดเสี่ยงถนนถูกตัดขาด ในสถานการณ์อุทกภัย ซึ่งจะเป็นอุปสรรคหรืออันตรายต่อการคมนาคมในช่วงน้ำมาก ด้วยเหตุนี้ชุดข้อมูลดังกล่าวจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวางแผน การจัดสร้างท่อระบายน้ำตามแนวถนนในช่วงสภาวะปกติ และช่วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการออกแบบการจราจรในภาวะน้ำท่วม เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุในการคมนาคมในห้วงเวลาของการเกิดภัย
6) ข้อมูลทิศทางน้ำหลาก หากน้ำล้นตลิ่ง
อีกชุดข้อมูลสุดท้าย ที่มิตรเอิร์ธได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้นำไปใช้ในการวางแผนการบรรเทาภัยพิบัติในช่วงที่เกิดอุทกภัยคือ ชุดข้อมูล แนวน้ำหลากหากล้นตลิ่ง (river-bank flood) สืบเนื่องจากสภาพภูมิประเทศในหลายพื้นที่ เช่น พื้นที่ภาคกลางตอนบนและตอนล่างของไทย เป็นที่ราบน้ำท่วมถึง ซึ่งมีแม่น้ำสายหลักขนาดใหญ่ไหลผ่าน ด้วยเหตุนี้ รูปแบบของพิบัติภัยทางน้ำมักจะมาในรูปแบบของน้ำล้นตลิ่ง ที่เกิดจากการที่มวลน้ำมีปริมาณมากเกินที่ร่องน้ำหลักจะรับไหวและระบายได้ทัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่โดยรอบบริเวณที่น้ำล้นตลิ่ง
ชุดข้อมูล แนวน้ำหลากหากล้นตลิ่ง (river-bank flood) นี้วิเคราะห์จากภูมิประเทศข้างเคียงตามแม่น้ำโดยนำเสนอออกมาในรูปแบบของ แนวเส้นแสดงทิศทางการไหลหลากของมวลน้ำ หากมีน้ำล้นตลิ่งในตำแหน่งต่างๆ ตลอดทั้งสองฝั่งของแม่น้ำสายหลัก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมีประโยชน์อย่างมากต่อประชาชนในท้องที่ ที่จะสามารถประเมินได้ว่า หากน้ำล้นตลิ่งบริเวณใดๆ จะมีทิศทางการไหลหลากไปในทางไหนบ้าง นอกจากนี้ชุดข้อมูลยังช่วยประกอบวางแผนการสร้างแนวป้องกันหรือการเฝ้าระวังเป็นพิเศษในจุดอ่อนไหวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น หากข้อมูลบ่งชี้ว่า น้ำล้นตลิ่งพื้นที่ใดๆ สามารถไหลหลากและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนโดยส่วนใหญ่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ควรให้ความสำคัญในการสร้างแนวป้องกันให้แข็งแรงเป็นพิเศษ ในขณะที่บางพื้นที่ไม่แสดงพฤติกรรมการไหลหลากของน้ำหากน้ำล้นตลิ่ง พื้นที่ดังกล่าวก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเสียทรัพยากรและงบประมาณในการป้องกันและเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งมากนะ เป็นต้น
ดาวน์โหลดข้อมูล : ข้อมูลทิศทางน้ำหลาก หากน้ำล้นตลิ่ง (ไฟล์ Google Earth .kmz)

ทั้งหมดนี้ คือชุดข้อมูลภูมิประเทศที่มิตรเอิร์ธจัดทำขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อยอด ในการออกแบบการใช้พื้นที่ให้สอดรับไปกับธรรมชาติของน้ำ รวมทั้งใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนในการวางแผนป้องกัน และบรรเทาภัยพิบัติเกี่ยวกับน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth