
6-5 ภูเขาไฟปินาตูโบ ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา และประวัติการปะทุ
ภูเขาไฟปินาตูโบ (Mount Pinatubo) ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ เป็นภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากเหตุการณ์การปะทุครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ภูเขาไฟที่รุนแรงที่สุดในศตวรรษที่ 20 ภูเขาไฟที่เคยเป็นที่รู้จักน้อยมากนี้ได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของการศึกษาเกี่ยวกับธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อม บทความนี้จะกล่าวถึงภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา และประวัติการปะทุของภูเขาไฟปินาตูโบ โดยให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับลักษณะธรรมชาติ กระบวนการภูเขาไฟ และเหตุการณ์ในอดีต
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้งและบริบททางภูมิภาค ภูเขาไฟปินาตูโบตั้งอยู่บนเกาะลูซอน (Luzon) ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของฟิลิปปินส์ ห่างจากกรุงมะนิลาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 90 กิโลเมตร ภูเขาไฟนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ติดต่อกันของ 3 จังหวัด ได้แก่ ซัมบาเลส (Zambales) ทางทิศตะวันตก ทาร์แลค (Tarlac) ทางทิศเหนือ และ ปัมปังกา (Pampanga) ทางทิศตะวันออกพื้นที่นี้อยู่ในเขต ภูเขาไฟแปซิฟิกริงออฟไฟร์ (Pacific Ring of Fire) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดกิจกรรมแผ่นดินไหวและภูเขาไฟบ่อยครั้ง เนื่องจากการชนและแทรกตัวของแผ่นเปลือกโลก
ลักษณะภูมิทัศน์ ก่อนการปะทุในปี ค.ศ. 1991 ภูเขาไฟปินาตูโบมีความสูงประมาณ 1,745 เมตร และปกคลุมด้วยป่าทึบ ล้อมรอบด้วยพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชนของชาว อีตา (Aeta) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มานานหลายศตวรรษ อย่างไรก็ตาม การปะทุได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์อย่างสิ้นเชิง โดยลดความสูงของภูเขาไฟเหลือ 1,486 เมตร และสร้างแอ่งภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำจนกลายเป็นทะเลสาบปินาตูโบ พื้นที่โดยรอบยังมีที่ราบน้ำท่วมและระบบแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำปาซิก-โปเตรโร แม่น้ำทาร์แลค และแม่น้ำซาโกเบีย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากลาฮาร์ (โคลนภูเขาไฟ) ที่เกิดจากการปะทุ
ธรณีวิทยา
บริบททางธรณีแปรสัณฐาน ภูเขาไฟปินาตูโบตั้งอยู่ในพื้นที่ที่แผ่นเปลือกโลกยูเรเชียแทรกตัวใต้ แผ่นเปลือกโลกทะเลฟิลิปปินส์ (Philippine Sea Plate) ตามแนว ร่องลึกมะนิลา (Manila Trench) การแทรกตัวนี้เป็นสาเหตุของการเกิดหินหนืด (magma) ผ่านกระบวนการหลอมละลายของแผ่นเปลือกโลกที่แทรกตัว ส่งผลให้เกิด แนวภูเขาไฟลูซอน (Luzon Volcanic Arc) ซึ่งปินาตูโบเป็นส่วนหนึ่ง
เพิ่มเติม : arc
ประวัติทางธรณีวิทยาของพื้นที่นี้ประกอบด้วยกิจกรรมภูเขาไฟ การเกิดรอยเลื่อน และการสะสมตัวของชั้นหินภูเขาไฟและตะกอนต่าง ๆ หินหนืดของปินาตูโบส่วนใหญ่เป็นชนิดแอนดีไซต์และแดไซต์ ซึ่งมีความหนืดสูงและก่อให้เกิดการปะทุอย่างรุนแรง
โครงสร้างภูเขาไฟ ปินาตูโบเป็น ภูเขาไฟประเภทกรวยสลับชั้น (stratovolcano) ซึ่งเกิดจากการสะสมตัวของชั้นลาวา เถ้าภูเขาไฟ และเศษหินภูเขาไฟที่สลับกันไปตามการปะทุหลายครั้ง โครงสร้างนี้ก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายหมื่นปี ใต้พื้นผิว ภูเขาไฟปินาตูโบมีห้องแมกมาที่เชื่อมต่อกับระบบรอยเลื่อนและร่องลึก การมีอยู่ของก๊าซซัลเฟอร์และน้ำในแมกมาทำให้เกิดการปะทุอย่างรุนแรง
ประวัติการปะทุ
การปะทุในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากการศึกษาทางธรณีวิทยา พบว่าภูเขาไฟปินาตูโบเคยเกิดการปะทุขนาดใหญ่หลายครั้งในช่วง 35,000 ปีที่ผ่านมา การปะทุในยุคก่อนประวัติศาสตร์นี้ทิ้งหลักฐานไว้ในรูปของชั้นตะกอนลาวาและเถ้าภูเขาไฟหนาแน่น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาผ่านการวิเคราะห์ชั้นดินและการหาอายุด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสีการปะทุสำคัญในอดีต ได้แก่
การปะทุในยุคประวัติศาสตร์ ก่อนปี ค.ศ. 1991 ไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปะทุของภูเขาไฟปินาตูโบ ทำให้ผู้คนในพื้นที่เข้าใจผิดว่าภูเขาไฟนี้เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว
- 35,000 ปีก่อน การเกิดชั้นตะกอนพิโรคลาสติกครั้งแรก
- 5,500 ปีก่อน การปะทุครั้งใหญ่ที่ช่วยสร้างโครงสร้างปัจจุบันของภูเขาไฟ
- 3,000 ปีก่อน เหตุการณ์ปะทุรุนแรงที่มีขนาดใกล้เคียงกับการปะทุในปี ค.ศ. 1991
การปะทุเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและชุมชนในพื้นที่แม้ไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
การปะทุในปี ค.ศ. 1991 การปะทุในปี ค.ศ. 1991 ถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของภูเขาไฟปินาตูโบ และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ภูเขาไฟที่รุนแรงที่สุดในศตวรรษที่ 20 ลำดับเหตุการณ์สำคัญมีดังนี้
- เมษายน 1991 เกิดแผ่นดินไหวและการเคลื่อนที่ของแมกมาที่เริ่มส่งสัญญาณการปะทุ
- 7-9 มิถุนายน 1991 การปะทุรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และถึงจุดสูงสุดในวันที่ 15 มิถุนายน โดยมีการพ่นเถ้าภูเขาไฟและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศสูงถึง 40 กิโลเมตร
ผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ การปะทุปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ปริมาณมหาศาลเข้าสู่ชั้นสตราโตสเฟียร์ ส่งผลให้เกิดชั้นละอองซัลเฟตที่สะท้อนแสงอาทิตย์และทำให้อุณหภูมิโลกลดลงประมาณ 0.5°C ในช่วงสองปีถัดมา การปะทุยังทำให้เกิดลาฮาร์ที่รุนแรง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อชุมชนโดยรอบ
กิจกรรมหลังปี ค.ศ. 1991 หลังจากการปะทุครั้งใหญ่ ภูเขาไฟปินาตูโบยังคงสงบนิ่งเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ลาฮาร์ที่เกิดจากฝนตกหนักยังคงเป็นภัยคุกคามต่อพื้นที่โดยรอบเป็นเวลานานหลายปี ในปัจจุบัน สถาบันภูเขาไฟวิทยาและแผ่นดินไหวแห่งฟิลิปปินส์ (PHIVOLCS) ยังคงติดตามสัญญาณการปะทุใหม่ เช่น แผ่นดินไหวและการปล่อยก๊าซภูเขาไฟอย่างใกล้ชิด
ผลกระทบจากการปะทุ
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การปะทุในปี ค.ศ. 1991 ทำลายป่าไม้และพื้นที่การเกษตรอย่างกว้างขวาง เถ้าภูเขาไฟและพิโรคลาสติกโฟลว์ทำลายพืชพรรณในวงกว้าง ในระดับโลก การปะทุส่งผลต่อชั้นบรรยากาศ โดยการปล่อยซัลเฟอร์ไดออกไซด์ทำให้เกิดชั้นสะท้อนแสงที่ลดอุณหภูมิของโลกลง
ผลกระทบต่อมนุษย์ การปะทุทำให้มีผู้พลัดถิ่นกว่า 200,000 คน และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 800 ราย โดยส่วนใหญ่เสียชีวิตจากหลังคาบ้านถล่มเนื่องจากเถ้าภูเขาไฟเปียกน้ำหนักมาก และจากลาฮาร์ที่ไหลลงมาท่วมหมู่บ้าน ชุมชนชาวอีตาได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากต้องอพยพออกจากถิ่นฐานดั้งเดิมของตน
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ การปะทุครั้งนี้เป็นตัวอย่างสำคัญของความสำเร็จในการเฝ้าระวังและการจัดการภัยพิบัติ การอพยพประชาชนจำนวนมากตามคำเตือนของนักวิทยาศาสตร์ช่วยลดความสูญเสียชีวิตไปอย่างมาก
สรุป ภูเขาไฟปินาตูโบมีลักษณะภูมิศาสตร์และธรณีวิทยาที่น่าทึ่งซึ่งทำให้มันเป็นแหล่งศึกษาที่สำคัญ การปะทุในปี ค.ศ. 1991 ไม่เพียงเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์และภูมิอากาศโลก แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ การวิจัยและการเฝ้าระวังภูเขาไฟปินาตูโบในอนาคตจะช่วยลดความเสี่ยงจากการปะทุและเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการทางธรณีวิทยาที่เปลี่ยนแปลงโลกของเรา
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth