![](https://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/07/15-2-5-750x375.jpg)
เนื่องจากมีเหตุการณ์ทางธรณีวิทยามากมายที่เกิดขึ้นตลอดช่วงอายุของโลก 4,600 ล้านปี จึงทำให้นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถกำหนดอายุของทุกเหตุการณ์เป็นตัวเลขที่แน่นอนได้ทั้งหมด ดังนั้น การกำหนดอายุสัมพัทธ์ (relative-age dating) หรือ การลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง จึงเป็นข้อมูลสำคัญในการศึกษาวิวัฒนาการและลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก ซึ่งเเพื่อที่จะจัดลำดับการเกิดก่อน-หลัง ของเหตุการณ์ต่างๆ ของโลก นักวิทยาศาสตร์ได้นำเสนอแนวคิด การลำดับชั้นหิน (stratigraphy) เพื่อใช้เป็นหลักการเรียงลำดับเหตุการณ์ไว้อย่างน้อย 8 หลักการ ดังนี้
1) กฏความเป็นเอกภาพ
กฏความเป็นเอกภาพ (law of uniformitarianism) นำเสนอโดย เจมส์ ฮัตตัน (Hutton J.) โดยให้หลักคิดว่า ปัจจุบัน เป็นกุญแจสำคัญไปสู่ อดีต (the present is the key to the past) ซึ่งหมายถึงเราสามารถอธิบายการเกิดสิ่งต่างๆ ในอดีต ได้เช่นเดียวกับเหตุการณ์หรือกระบวนการต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันได้
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/15-2-4-1024x690.jpg)
2) กฏการลำดับชั้นหิน
กฏการลำดับชั้นหิน (law of superposition) นำเสนอโดย นิโคลัส สเตโน (Steno N.) โดยอธิบายว่าชั้นหินตะกอนใดๆ ที่ไม่ถูกรบกวนจากกระบวนการต่างๆ ที่เกิดภายหลังนั้น ชั้นหินที่วางตัวอยู่บนจะมีอายุอ่อนกว่า และชั้นหินที่วางตัวอยู่ล่างจะมีอายุแก่กว่า (ระยะที่ 1-2 ในรูปวิวัฒนาการการลำดับชั้นหิน)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/15-2-2-1024x646.jpg)
3) กฏการวางตัวตามแนวนอน
กฏการวางตัวตามแนวนอน (law of original horizontality) อธิบายว่าตะกอนจะสะสมตัวในแนวระนาบ ซึ่งหากมีการเอียงเทหรือคดโค้งของชั้นหินแสดงว่าชั้นหินนั้นถูกรบกวนจากกระบวนการอื่นๆ ในภายหลังการสะสมตัว (ระยะที่ 2-3 ในรูปวิวัฒนาการการลำดับชั้นหิน)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/09/17-3-5-1024x389.jpg)
4) กฏของลักษณะปรากฏ
กฏของลักษณะปรากฏ (law of lateral continuity) นำเสนอโดย โจฮานเนส วอลเตอร์ (Walther J.) อธิบายว่าตะกอนสามารถสะสมตัวเป็นชั้นอย่างต่อเนื่องไปตลอดแอ่งสะสมตัว และอาจถูกเทียบเคียงสัมพันธ์กันได้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างกันก็ตาม
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/07/15-2-0-1024x536.jpg)
5) กฏความสัมพันธ์กันของการตัดขวาง
กฏความสัมพันธ์กันของการตัดขวาง (law of cross-cutting relationship) โดยมีหลักการว่ารอยเลื่อนหรือหินอัคนีที่ตัดผ่านชั้นหิน จะมีอายุน้อยกว่าหินที่รอยเลื่อนตัดผ่านหรือหินที่ถูกหินอัคนีแทรกตัวเข้าไป (ระยะที่ 2-3 ในรูปวิวัฒนาการการลำดับชั้นหิน)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/15-2-6-1024x486.jpg)
6) กฏของสิ่งปะปนกันเข้าไป
กฏของสิ่งปะปนกันเข้าไป (law of inclusion) โดยอธิบายว่าเศษหินที่อยู่ภายในมวลหินจะมีอายุแก่กว่ามวลหินที่อมหรือครอบคลุมเศษหินนั้น เช่นกรณีของหินอัคนีโดยส่วนใหญ่มีเศษหินจากบริเวณข้างเคียงที่แมกมาเคลื่อนที่ผ่าน หลุดเข้าไปอยู่ในแมกมาด้วย บ่งชี้ว่าเศษหินเหล่านั้นมีอายุแก่กว่าหินอัคนี
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/15-2-7-1024x388.jpg)
7) กฏความไม่ต่อเนื่องของการลำดับชั้น
กฏความไม่ต่อเนื่องของการลำดับชั้นหิน (law of unconformity) หมายถึง การขาดหายไปของลำดับชั้นหิน เนื่องจากบางช่วงเวลา บางพื้นที่อาจถูกกัดกร่อนและกลับมาสะสมตัวอีกครั้ง (ระยะที่ 4-6 ในรูปวิวัฒนาการการลำดับชั้นหิน) โดยรอยต่อระหว่างหิน 2 ช่วงเวลา เรียกว่า รอยชั้นไม่ต่อเนื่อง (unconformity) และระยะเวลาที่หินขาดหายไป เรียกว่า เวลาความไม่ต่อเนื่อง (hiatus) ซึ่งอาจอยู่ในช่วงหลายพัน-หลายล้านปี โดยนักวิทยาศาสตร์จำแนกรอยชั้นไม่ต่อเนื่องออกเป็น 4 รูปแบบ คือ
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/15-2-8-1024x674.jpg)
รอยชั้นไม่ต่อเนื่องคงระดับ (disconformity) เกิดจากหินที่มีอายุแก่สะสมตัวและยกตัวขึ้น แต่ไม่เกิดการโค้งงอ เมื่อหินอายุอ่อน มาสะสมตัวภายหลัง ทำให้หินทั้งสองอายุมีการเรียงตัวอย่างต่อเนื่องกันไป สังเกตได้ยากแต่อาจตรวจสอบได้จากการขาดหายไปของฟอสซิล
รอยชั้นไม่ต่อเนื่องเชิงมุม (angular unconformity) เกิดจากหินที่มีอายุแก่ ถูกยกตัว เกิดการเอียงตัวและกัดกร่อน ต่อมาหินเหล่านี้ จมตัวลงอีกครั้ง ทำให้หินอายุอ่อนกว่า เริ่มสะสมตัวอยู่บนหินที่มีอายุแก่กว่าซึ่งเอียงทำมุมเอียงเท (dip angle) แตกต่างกัน
รอยชั้นไม่ต่อเนื่องบนหินอัคนี (nonconformity) เป็นรอยชั้นไม่ต่อเนื่อง ที่เกิดจากหินอัคนี หรือหินแปรยกตัวขึ้น และถูกการกัดกร่อนผุพัง ต่อมามีการจมตัวลง และปิดทับด้วยหินตะกอน
รอยชั้นไม่ต่อเนื่องขนาน (paraconformity) แนวความไม่ต่อเนื่องใช้แนวรอยต่อระหว่างชั้นหิน เป็นตัวแบ่งแยกชั้นหินที่มีอายุแก่กว่าออกจากชั้นหิน ที่มีอายุอ่อนกว่า
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/15-2-9-1024x660.jpg)
8) กฏการต่อเนื่องของบรรพชีวิน
กฏการต่อเนื่องของบรรพชีวิน (law of faunal succession) สืบเนื่องจากนักวิทยาศาสตร์สังเกตและพบว่าฟอสซิลที่เกิดในชั้นหินต่างๆ นั้น มีรูปร่างและสายพันธุ์แตกต่างกันไป ถึงแม้ว่าชั้นหินดังกล่าวจะวางซ้อนกันอยู่ ดังนั้น วิลเลียม สมิธ (Smith W.) จึงนำเสนอว่า ชั้นตะกอนที่มีฟอสซิลชนิดเดียวกัน สามารถเทียบเคียงได้ว่าเป็นชั้นตะกอนที่มีอายุในช่วงเดียวกัน
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/15-2-1-1024x982.jpg)
นอกจากนี้ วิลเลียม สมิธ ยังได้จำแนกชั้นหินที่มีอายุใกล้เคียงกัน โดยอาศัยหลักการของ การพบฟอสซิลเป็นครั้งแรกและการหายไปของฟอสซิลในแต่ละชนิด เป็นตัวแบ่งชั้นหิน ซึ่งเป็นแนวทางให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกสามารถลำดับชั้นตะกอนแลชั้นหินจากความแตกต่างของกลุ่มฟอสซิลได้
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/15-2-3-1024x546.jpg)
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth