
11-4 10 อันดับ กัดเซาะชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
การกัดเซาะชายฝั่ง (coastal erosion) หมายถึง กระบวนการที่แรงธรรมชาติ เช่น คลื่น น้ำขึ้นน้ำลง ลม และกิจกรรมของมนุษย์ทำให้ที่ดินชายฝั่งหายไป เมื่อเวลาผ่านไปอาจทำให้เกิดผลกระทบทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม การกัดเซาะชายฝั่งเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะเมื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และการแทรกแซงของมนุษย์ในระบบชายฝั่งธรรมชาติทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
1. ทะเลเหนือ สหราชอาณาจักร

- สาเหตุ การพายุที่แรง ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และการพัฒนาโดยมนุษย์ตามชายฝั่ง รวมถึงการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างป้องกันชายฝั่งที่บางครั้งอาจทำให้การกัดเซาะรุนแรงขึ้น
- ผลกระทบ การกัดเซาะหน้าผา ชายหาด และโครงสร้างพื้นฐานชายฝั่ง ในบางพื้นที่เช่น Norfolk และ Suffolk ทำให้ชุมชนถูกย้ายถิ่นและที่ดินการเกษตรหายไป
- จำนวนผู้เสียชีวิต ไม่มีการสูญเสียชีวิตที่สำคัญ แต่มีค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจและความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน
2. ดินแดนสุทับรัง เบงกอล บังกลาเทศและอินเดีย
เพิ่มเติม :
- สาเหตุ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น พายุไซโคลน และปัจจัยที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การสร้างเขื่อน และการจัดการชายฝั่งที่ไม่ดี
- ผลกระทบ การกัดเซาะป่าโกงกาง การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการย้ายถิ่นของผู้คนหลายล้านคน พื้นที่สุทับรังยังได้รับผลกระทบจากการลดลงของการประมงและการเกษตรชายฝั่ง
- จำนวนผู้เสียชีวิต การกัดเซาะชายฝั่งเองไม่ได้ทำให้เกิดการเสียชีวิตโดยตรง แต่ผลกระทบจากการย้ายถิ่นและการสูญเสียอาชีพทำให้เกิดความยากจนและความตายจากปัจจัยที่ตามมา
3. ชายฝั่งหลุยเซียน่า สหรัฐอเมริกา

- สาเหตุ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ความถี่ของพายุเฮอริเคนที่เพิ่มขึ้น การขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ และการสร้างเขื่อนและคลองที่ขัดขวางกระบวนการขนส่งตะกอนธรรมชาติ
- ผลกระทบ การสูญเสียพื้นที่ป่าชายเลนและพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์และป้องกันการพังทลายของชายฝั่ง
- จำนวนผู้เสียชีวิต ผลกระทบจากการกัดเซาะไม่ได้ทำให้เกิดการเสียชีวิตโดยตรง แต่ทำให้พื้นที่มีความเสี่ยงมากขึ้นในกรณีที่เกิดพายุรุนแรง เช่น พายุเฮอริเคน
4. ชายฝั่งเดลต้าของแม่น้ำไนล์ อียิปต์
เพิ่มเติม :

- สาเหตุ การลดลงของการไหลของตะกอนจากการสร้างเขื่อนอัสวาน การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และกระบวนการกัดเซาะธรรมชาติ
- ผลกระทบ การสูญเสียที่ดินการเกษตร การเพิ่มขึ้นของน้ำเค็มในแหล่งน้ำจืด และการย้ายถิ่นของผู้คนหลายพันคน
- จำนวนผู้เสียชีวิต แม้ว่าการกัดเซาะชายฝั่งจะไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตโดยตรง แต่ได้สร้างสภาพที่ทำให้การท่วมและภัยธรรมชาติอื่นๆ เลวร้ายลง
5. ชายฝั่งฟลอริดา สหรัฐอเมริกา

- สาเหตุ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น พายุเฮอริเคน และการพัฒนามนุษย์ เช่น การก่อสร้างเกาะป้องกันและสิ่งก่อสร้างชายฝั่งที่บางครั้งทำให้การกัดเซาะแย่ลง
- ผลกระทบ การสูญเสียชายหาด การกัดเซาะบ้านและโครงสร้างพื้นฐานของการท่องเที่ยว และการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต เช่น ปะการังและป่าชายเลน
- จำนวนผู้เสียชีวิต การกัดเซาะชายฝั่งเองไม่ทำให้เกิดการเสียชีวิตโดยตรง แต่ทำให้ประชากรชายฝั่งเสี่ยงต่อพายุและน้ำท่วมที่อาจทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตได้
6. อ่าวเบงกอล อินเดีย
- สาเหตุ พายุไซโคลน ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ชายฝั่ง
- ผลกระทบ การกัดเซาะชายหาด การสูญเสียที่ดินการเกษตรชายฝั่ง และการย้ายถิ่นของผู้คนหลายล้านคน ชุมชนที่อาศัยอยู่บนเกาะที่ต่ำมีความเสี่ยงสูงที่สุด
- จำนวนผู้เสียชีวิต แม้ว่าการกัดเซาะชายฝั่งจะไม่ทำให้เกิดการเสียชีวิตโดยตรง แต่ผลกระทบจากการย้ายถิ่นและการสูญเสียอาชีพทำให้เกิดการตายจากภัยธรรมชาติ
7. เดลต้ากังกีส-บราห์มาปุตรา อินเดียและบังกลาเทศ
- สาเหตุ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น พายุไซโคลน และกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การสร้างเขื่อนและการตัดไม้ทำลายป่า
- ผลกระทบ การกัดเซาะในพื้นที่เดลต้าอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อการเกษตร แหล่งน้ำจืด และการย้ายถิ่นของผู้คนหลายล้านคน ความสูญเสียทางความหลากหลายทางชีวภาพก็มีความสำคัญเช่นกัน
- จำนวนผู้เสียชีวิต การกัดเซาะชายฝั่งที่นี่มีผลทางอ้อมต่อการเสียชีวิต โดยเฉพาะในช่วงพายุไซโคลนและอุทกภัย
8. หมู่เกาะวัดเดน เนเธอร์แลนด์
- สาเหตุ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น การพายุที่รุนแรง และการแทรกแซงของมนุษย์ เช่น การสร้างเขื่อนและการก่อสร้างการระบายน้ำ
- ผลกระทบ การกัดเซาะชายหาดและพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญในการปกป้องพื้นที่ในบกจากน้ำท่วม
- จำนวนผู้เสียชีวิต ไม่มีการสูญเสียชีวิตจากการกัดเซาะโดยตรง แต่การกัดเซาะทำให้พื้นที่มีความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่เพิ่มขึ้นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
9. ชายฝั่ง แนวปะการังเกรทแบร์ริเออร์รีฟ ออสเตรเลีย
- สาเหตุ การฟอกขาวของปะการัง อุณหภูมิของทะเลที่สูงขึ้น และความถี่ที่เพิ่มขึ้นของพายุโซนร้อน อีกทั้งการประมงและกิจกรรมของมนุษย์ก็ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
- ผลกระทบ การสูญเสียปะการังซึ่งสำคัญในการปกป้องชายฝั่ง การท่องเที่ยวและการประมงได้รับผลกระทบ การกัดเซาะยังคุกคามชุมชนท้องถิ่นด้วย
- จำนวนผู้เสียชีวิต การกัดเซาะชายฝั่งเองไม่ได้ทำให้เกิดการเสียชีวิตโดยตรง แต่การลดทรัพยากรและการทำลายที่อยู่อาศัยทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ
10. หมู่เกาะมัลดีฟส์

- สาเหตุ ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและพายุไซโคลน โดยเฉพาะเมื่อหมู่เกาะอยู่ใกล้ระดับน้ำทะเล
- ผลกระทบ การกัดเซาะชายหาดและแหล่งน้ำจืด การสูญเสียที่ดินที่อยู่อาศัย และความเสี่ยงที่อาจทำให้ชุมชนบนเกาะสูญหายไปทั้งหมด มัลดีฟส์กำลังเผชิญกับการคุกคามจากการกัดเซาะ
- จำนวนผู้เสียชีวิต แม้ว่าจะไม่มีการเสียชีวิตโดยตรงจากการกัดเซาะชายฝั่ง แต่การสูญหายของเกาะอาจทำให้เกิดการย้ายถิ่นและการตายจากเหตุการณ์ธรรมชาติ เช่น สึนามิและพายุไซโคลน
สรุป การกัดเซาะชายฝั่งเป็นปัญหาสากลที่มีผลกระทบอย่างลึกซึ้งทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและประชากร การกัดเซาะชายฝั่งที่สำคัญทั้ง 10 กรณีข้างต้นแสดงให้เห็นถึงสาเหตุที่หลากหลาย, ผลกระทบที่แตกต่างกัน, และความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการกัดเซาะนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น และกิจกรรมของมนุษย์กำลังกดดันกระบวนการกัดเซาะ ทำให้ต้องมีการจัดการชายฝั่งอย่างยั่งยืน, ฟื้นฟูระบบนิเวศน์ชายฝั่ง, และความร่วมมือระหว่างประเทศในการบรรเทาผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth