วิทยาศาสตร์โลกสำรวจเรียนรู้

ปรากฏการณ์ “คลื่นความร้อน” ครั้งสำคัญของโลก

คลื่นความร้อน (heat wave) เป็นเหตุการณ์ทางสภาพอากาศที่รุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ พื้นที่หนึ่งประสบกับอุณหภูมิที่สูงเกินไปเป็นระยะเวลานาน เหตุการณ์เหล่านี้สามารถเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น ระบบความกดอากาศสูงที่ยาวนาน ซึ่งทำให้เกิดการกักเก็บอากาศร้อนและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บทความนี้ผู้เขียนได้รวบรวมและสรุป เหตุการณ์คลื่นความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยตีแผ่สาเหตุ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ผลกระทบที่เกิดขึ้น และจำนวนผู้เสียชีวิตจากแต่ละเหตุการณ์ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

เพิ่มเติม : สภาพอากาศสุดขั้ว (extreme weather) : คลื่นความร้อน – โพลาร์ วอร์เท็กซ์

1. อเมริกาเหนือ ค.ศ. 1936

สาเหตุ คลื่นความร้อนในอเมริกาเหนือปี ค.ศ. 1936 เกิดจากการรวมตัวของระบบความกดอากาศสูง และผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจในยุค Great Depression ซึ่งทำให้ภัยแล้งในพื้นที่ตอนกลางของสหรัฐฯ รุนแรงขึ้น

ผลกระทบ อุณหภูมิในหลายพื้นที่ของอเมริกาเหนือเกิน 45°C พืชผล เช่น ข้าวโพดถูกทำลายจากอุณหภูมิสูงและภัยแล้ง เมืองหลายแห่งไม่มีเครื่องปรับอากาศ ซึ่งทำให้ผู้คนทนความร้อนได้ลำบาก รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 5,000 คน จากคลื่นความร้อนในอเมริกาเหนือ

ปี ค.ศ. 1936 รถขายไอศกรีมเพนนี (Penny Ice) กำลังส่งไอศกรีมให้กับฝูงชนที่ถนนสายที่ 13 และถนนซัมมิต (ที่มา : https://pendergastkc.org)

2. ชิคาโก้ ค.ศ. 1995

สาเหตุ คลื่นความร้อนในชิคาโก้ปี ค.ศ. 1995 เกิดจากระบบความกดอากาศสูงที่ตั้งอยู่เหนือภูมิภาคมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกา ระบบนี้ทำให้เกิดอุณหภูมิสูงที่ยาวนาน และการขาดการเย็นตัวในช่วงกลางคืนทำให้คลื่นความร้อนรุนแรงขึ้น

ผลกระทบ อุณหภูมิในชิคาโก้สูงกว่า 40°C เป็นระยะเวลาหลายวัน ซึ่งทำลายสถิติ โครงสร้างพื้นฐานในเมืองไม่สามารถรับมือกับความร้อนที่รุนแรงเช่นนี้ ทำให้เกิดไฟฟ้าดับและปัญหาการจัดหาน้ำ ประชากรที่อ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเดิมได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตประมาณ 739 คน เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในชิคาโก้ โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อน

ค.ศ. 1995 เจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งพักหลังจากนำร่างของผู้เสียชีวิตออกจากอพาร์ตเมนต์ในย่านเอนเกิลวูด
ภาพถ่าย: ฟิล เกรียร์ / ชิคาโก ทริบูน (ที่มา : https://nwas.org)

3. ยุโรป ค.ศ. 2003

คลื่นความร้อนในยุโรปปี ค.ศ. 2003 เกิดจากระบบความกดอากาศสูงที่ตั้งอยู่เหนือยุโรปตะวันตก ซึ่งทำให้อากาศร้อนและแห้งถูกกักอยู่ในพื้นที่นี้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ ระบบความกดอากาศสูงนี้ป้องกันไม่ให้มีการนำอากาศเย็นเข้ามาในพื้นที่ ส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผลกระทบ ประเทศที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี และสหราชอาณาจักร อุณหภูมิในบางพื้นที่เกิน 40°C และอยู่ในระดับสูงตลอดทั้งวัน ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในภาคใต้ของฝรั่งเศสที่เกิดความล้มเหลวของพืชผล เกิดไฟป่าหลายแห่งในยุโรปใต้ มีผู้เสียชีวิตประมาณ 70,000 คน โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส ซึ่งประชากรผู้สูงอายุได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

คลื่นความร้อนในยุโรปปี ค.ศ. 2003 (ที่มา : https://news.sky.com)

4. รัสเซีย ค.ศ. 2010

สาเหตุ คลื่นความร้อนในรัสเซียปี ค.ศ. 2010 เกิดจากระบบความกดอากาศสูงที่ตั้งอยู่เหนือรัสเซียและยุโรปตะวันออก ซึ่งนำไปสู่การเกิด อุณหภูมิสูงเกินปกติและคงอยู่นานกว่า 2 เดือน

ผลกระทบ กรุงมอสโกมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 40°C ซึ่งเป็น อุณหภูมิสูงสุดในรอบกว่า 130 ปี คลื่นความร้อนนำไปสู่การเกิดภัยแล้งอย่างหนัก ทำลายพืชผล และลดผลผลิตข้าวสาลีของประเทศ เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ โดยมีไฟป่ามากกว่า 1000 จุดทั่วประเทศ ปริมาณน้ำในธรรมชาติลดลง และเกิดมลพิษในน้ำที่เพิ่มขึ้นจากภัยแล้ง จากการสำรวจพบว่าประมาณ 55,000 คน เสียชีวิตจากคลื่นความร้อน โดยส่วนใหญ่เกิดจากโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อนและปัญหาสุขภาพที่มีอยู่เดิม เช่น โรคหัวใจและโรคทางเดินหายใจ

ในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2010 สหพันธรัฐรัสเซียต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติหลายรูปแบบพร้อมกัน ได้แก่ ภัยแล้งในภาคใต้ของประเทศ และไฟป่ารุนแรงในรัสเซียตะวันตกและไซบีเรียตะวันออก เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนผิดปกติ สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า อุณหภูมิในบางพื้นที่ของประเทศพุ่งสูงถึง 42 องศาเซลเซียส ขณะที่ Wall Street Journal รายงานว่า ความร้อนซึ่งเป็นสาเหตุของไฟป่าและภัยแล้งนั้น คาดว่าจะดำเนินต่อไปอย่างน้อยจนถึงวันที่ 12 สิงหาคม (ที่มา : https://earthobservatory.nasa.gov)

5. ญี่ปุ่น ค.ศ. 2017

สาเหตุ คลื่นความร้อนในญี่ปุ่นปี ค.ศ. 2017 เกิดจากระบบความกดอากาศสูงที่ตั้งอยู่เหนือประเทศญี่ปุ่นซึ่งทำให้เกิดอุณหภูมิสูงอย่างต่อเนื่องและป้องกันการเกิดอากาศเย็นจากภายนอก

ผลกระทบ อุณหภูมิในญี่ปุ่นเกิน 40°C โรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ป่วยที่ประสบจาก อาการฮีตสโตรกและภาวะขาดน้ำ ระบบขนส่งมวลชนต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด ประมาณ 1,100 คนเสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในญี่ปุ่น

ความผิดปกติ (แสดงด้วยพื้นที่แรเงา) และความผิดปกติที่ถูกปรับให้อยู่ในรูปแบบปกติ (แสดงด้วยเส้นคอนทัวร์) โดยใช้อัตราส่วนจากค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของความแปรปรวนระหว่างปีในท้องถิ่น สำหรับ (a) อุณหภูมิผิวน้ำทะเล (SST) (°C) (b) อุณหภูมิที่ระดับความลึก 100 เมตร (°C) (e) อุณหภูมิอากาศพื้นผิว (SAT) (°C) และ (f) อุณหภูมิที่ระดับความดัน 850 hPa (°C) โดยข้อมูลทั้งหมดเฉลี่ยในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2023 เส้นคอนทัวร์เส้นหนาและเส้นบางมีช่วงระหว่างค่าเท่ากับ 2 และ 1 ตามลำดับ (c) ความเร็วของกระแสน้ำทะเลที่ระดับความลึก 100 เมตร (แสดงด้วยพื้นที่แรเงา) และทิศทาง (แสดงด้วยลูกศร) ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2023 (ข้อมูลนี้ไม่ใช่ค่าความผิดปกติ) (d) ความผิดปกติของอุณหภูมิอากาศพื้นผิว (SAT) (°C) จากข้อมูลสถานีตรวจอากาศในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2023 (ที่มา : Sato และคณะ, 2024)

6. อินเดีย ค.ศ. 2019

สาเหตุ คลื่นความร้อนในอินเดียปี ค.ศ. 2019 เกิดจากการตั้งตัวของระบบความกดอากาศสูงในคาบสมุทรอินเดีย ซึ่งรวมกับความชื้นต่ำและลมที่สงบทำให้เกิดอุณหภูมิที่สูงเกิน 50°C ในบางพื้นที่

ผลกระทบ อุณหภูมิในหลายพื้นที่ของอินเดียเกิน 50°C ซึ่งถือเป็นอุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึกได้ น้ำท่วมและภาวะขาดแคลนน้ำรุนแรง เนื่องจากแหล่งน้ำทั้งหลายแห้งลง ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบอย่างหนัก พืชผลเช่นข้าวสาลีและข้าวโพดถูกทำลาย ระบบไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายจากความต้องการการใช้งานสูง มีรายงานว่าประมาณ 2,000 คนเสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในอินเดีย

พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อน จากหอสังเกตการณ์โลกของนาซา (NASA Earth Observatory) (ที่มา : https://en.m.wikipedia.org)

สรุป คลื่นความร้อนเป็นเหตุการณ์ทางสภาพอากาศที่เกิดขึ้นบ่อยขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบจากเหตุการณ์เหล่านี้นั้นรุนแรง ตั้งแต่การทำลายพืชผลและระบบนิเวศจนถึงการสูญเสียชีวิตของมนุษย์ คลื่นความร้อนแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของทั้งธรรมชาติและสังคมมนุษย์ต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงส่งผลต่ออุณหภูมิทั่วโลก ความถี่และความรุนแรงของคลื่นความร้อนน่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งทำให้สังคมต้องเตรียมพร้อมรับมือและมีมาตรการป้องกันภัยเพื่อรักษาชีวิตและทรัพยากรธรรมชาติให้มากที่สุด

. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth

Share: