
จารึกบนหิน หรือ ศิลาจารึก (stone inscription) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการบันทึกข้อมูลทางประวัติศาสตร์ การเมือง ศาสนา และกฎหมายในอารยธรรมต่าง ๆ การแกะสลักข้อความบนหินมักจะใช้หินที่ทนทานเพื่อให้สามารถเก็บรักษาข้อความเหล่านี้ไว้ได้นานๆ ผ่านกาลเวลา โดยที่จารึกเหล่านี้มักจะมีความสำคัญทั้งทางศาสนา การเมือง หรือแม้กระทั่งทางวัฒนธรรม
บทความนี้ ผู้เขียนตั้งใจที่จะรวบรวมและนำเสนอจารึกดังๆ จากทั่วโลก เพื่อเป็นเกร็ดประดับความรู้ เกี่ยวกับการศึกษาศิลาจารึกในต่างประเทศ ถือเสียว่าเป็นการปูพื้นออกแขก ก่อนที่จะมีบทความการวิเคราะห์เกี่ยวกับศิลาจารึกของประเทศไทย ที่น่าจะออกมาให้เสพกันในอีกไม่นานเกินรอ 😊
1. หินโรเซตตา แห่งอียิปต์
หินโรเซตตา (The Rosetta Stone) เป็นหนึ่งในจารึกบนหินที่มีชื่อเสียงและสำคัญที่สุดในโลก ถูกแกะสลักในปี 196 ก่อนคริสต์ศักราช ในสมัยของ กษัตริย์โตเลมีที่ 5 แห่งอียิปต์ จารึกบนหินนี้เขียนใน 3 ระบบ ได้แก่ 1) กรีก 2) เดโมติก (ระบบที่ใช้ในชีวิตประจำวันในอียิปต์) และ 3) ภาพอักษรฮีโรกลิฟิก (ซึ่งใช้สำหรับการศาสนาและพิธีกรรม) หินโรเซตตานี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการถอดรหัสภาษาอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นภาษาที่ไม่สามารถอ่านได้มากว่า 1,000 ปี
ความสำคัญ หินโรเซตตาไม่เพียงแต่ช่วยให้ถอดรหัสการเขียนภาษาอียิปต์โบราณได้ แต่ยังเปิดเผยภาพรวมทางการเมืองและศาสนาของยุคนั้น จารึกบนหินนี้บันทึก พระราชกฤษฎีกาของพระสงฆ์แห่งเมมฟิส ซึ่งเป็นพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์และพระราชกรณียกิจของพระองค์

2. รหัสฮัมมูราบี แห่งบาบิโลน
รหัสของฮัมมูราบี (The Code of Hammurabi) เป็นหนึ่งในรหัสกฎหมายที่เก่าแก่และสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งแกะสลักบนหินสีดำ โดย กษัตริย์ฮัมมูราบี แห่งบาบิโลน เมื่อประมาณปี 1754 ก่อนคริสต์ศักราช จารึกนี้มีทั้งหมด 282 ข้อกฎหมาย ที่ครอบคลุมหลายด้านของสังคม เช่น ครอบครัว การทำงาน ทรัพย์สิน และข้อพิพาททางพลเรือน
ความสำคัญ รหัสของฮัมมูราบีเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ในการทำความเข้าใจ สังคมและกฎหมายของเมโสโปเตเมียโบราณ สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดของความยุติธรรมและบทบาทของกษัตริย์ในการบังคับใช้กฎหมายและรักษาความสงบเรียบร้อย จารึกนี้ยังเป็นตัวอย่างสำคัญของการใช้กฎหมายเขียนในสมัยโบราณ

3. จารึกพระเจ้าอโศก แห่งอินเดีย
จารึกของพระเจ้าอโศก (The Edicts of Ashoka) ถูกแกะสลักโดย พระเจ้าอโศกมหาราช อดีตจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมริยะในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช เป็นชุดจารึกที่พบตามเสาหินและหินต่าง ๆ ทั่วพื้นที่ประเทศอินเดียและนอกอินเดีย ซึ่ง บันทึกนโยบายของพระเจ้าอโศกในการปกครองด้วยคุณธรรมและคำสอนของพระพุทธศาสนา หลังจากที่พระองค์เปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนา จารึกเหล่านี้เขียนในหลายภาษา เช่น ภาษาพราหมี ภาษาขารอสธี และกรีก เป็นต้น
ความสำคัญ จารึกของพระเจ้าอโศกเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์อินเดีย เพราะสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของพระเจ้าอโศกในการส่งเสริมความไม่รุนแรง สวัสดิการสังคม และการยอมรับในศาสนาต่าง ๆ จารึกเหล่านี้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการกระจายตัวของพุทธศาสนา การบริหารจัดการของจักรวรรดิโมริยะ และการเปลี่ยนแปลงทางศีลธรรมของพระองค์ หลังจากสงครามกาลิงกา

4. จารึกเบฮิสทัน แห่งเปอร์เซีย
จารึกเบฮิสทัน (The Behistun Inscription) ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตะวันตก ของประเทศอิหร่าน เป็นจารึกหลายภาษาโดยกษัตริย์ดาเรียสที่ 1 ของจักรวรรดิอาเคเมนิดในปี 522 ก่อนคริสต์ศักราช จารึกนี้เป็นการบันทึกชัยชนะของดาเรียสที่ 1 ต่อกบฏหลายคนที่พยายามโค่นล้มพระองค์ โดยจารึกนี้ถูกแกะสลักไว้บนหน้าผาหิน
ความสำคัญ จารึกเบฮิสทันเป็นหนึ่งในจารึกที่สำคัญที่สุดในการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิอาเคเมนิด จารึกนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถถอดรหัสระบบอักษรคูนิฟอร์ม ซึ่งไม่สามารถอ่านได้มานานหลายศตวรรษ และยังเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองและการทหารของเปอร์เซีย

5. จารึกซีนัย แห่งอียิปต์
จารึกซีนัย (The Sinai Inscriptions) เป็นชุดของจารึกโบราณที่พบในคาบสมุทรซีนัย ซึ่งมีอายุจากสมัยอียิปต์ราชอาณาจักรใหม่ (ประมาณ 1500–1200 ปีก่อนคริสต์ศักราช) จารึกเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยฟาโรห์และทหารของอียิปต์ เพื่อบันทึกชัยชนะทางทหาร เส้นทางการค้า และการอุทิศตัวทางศาสนา จารึกเหล่านี้ส่วนใหญ่เขียนในระบบอักษรภาพ
ความสำคัญ จารึกซีนัยช่วยให้เห็นภาพของนโยบายการขยายอำนาจของอียิปต์ โดยเฉพาะในสมัยของฟาโรห์ทุตโมสที่ 3 และรามเสสที่ 2 นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการควบคุมของอียิปต์ในคาบสมุทรซีนัย ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการขุดหาทองคำและทองแดง รวมถึงเส้นทางการค้าที่เชื่อมโยงอียิปต์กับดินแดนในเลแวนต์

6. เสาหินของพระเจ้าอโศก แห่งอินเดีย
เสาหินของพระเจ้าอโศก (The Pillars of Ashoka) เป็นชุดของเสาหินที่ตั้งขึ้นโดย พระเจ้าอโศกมหาราช ทั่วอนุทวีปอินเดียในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช เสาหินเหล่านี้แกะสลักและ จารึกพระราชกฤษฎีกาของพระเจ้าอโศก ซึ่งส่งเสริมการปกครองด้วยคุณธรรมและคำสอนของพระพุทธศาสนา
ความสำคัญ เสาหินของพระเจ้าอโศก เป็นเครื่องมือสำคัญในการศึกษาการแพร่กระจายของพุทธศาสนาและความพยายามของพระเจ้าอโศกในการส่งเสริมสันติภาพและสวัสดิการสังคม จารึกเหล่านี้ยังให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิและประชาชน และการใช้ศิลปะและสถาปัตยกรรมในการปกครอง

7. กระบอกหินนาบอนิดุส แห่งบาบิโลน
กระบอกหินนาบอนิดุส (The Nabonidus Cylinder) เป็นกระบอกหินที่บันทึกคำสั่งจาก กษัตริย์นาบอนิดุสแห่งบาบิโลนในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช จารึกนี้บันทึกความพยายามของนาบอนิดุสในการบูรณะวิหารต่าง ๆ ในบาบิโลนและการปฏิรูปทางศาสนา ซึ่งเป็นที่ถกเถียงในขณะนั้น
ความสำคัญ กระบอกหินนาบอนิดุสเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสภาพการเมืองและศาสนาในบาบิโลนในสมัยของกษัตริย์นาบอนิดุสและบุตรของพระองค์ เบลชัสซาร์ มันยังสำคัญเพราะเผยให้เห็นความตึงเครียดทางศาสนาระหว่างเทพเจ้าของบาบิโลนดั้งเดิมและการนับถือเทพเจ้าเดือนซิน ซึ่งนาบอนิดุสส่งเสริม

8. หินโมอาบิท แห่งจอร์แดน
หินโมอาบิท (The Moabite Stone) หรือที่รู้จักกันในชื่อ หินเมชา (Mesha Stele) เป็นจารึกจากศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสต์ศักราช ที่พบในจอร์แดน จารึกนี้ถูกสร้างขึ้นโดย กษัตริย์เมชาของโมอาบ เพื่อบันทึกชัยชนะทางทหารของเขาเหนืออิสราเอล จารึกนี้เขียนใน ภาษาของโมอาบ ซึ่งใกล้เคียงกับภาษาฮีบรู
ความสำคัญ หินโมอาบิท เป็นแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่มีค่ายิ่ง เพราะช่วยยืนยันเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับการขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและโมอาบ จารึกนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองในตะวันออกใกล้โบราณและเป็นหนึ่งในจารึกที่หายากจากอาณาจักรอิสราเอลและยูดาห์

9. จารึกจากซากเรืออูลูบูรุน ตุรกี
จารึกจากซากเรืออูลูบูรุน (The Uluburun Shipwreck Inscriptions) ที่ค้นพบที่ชายฝั่งของประเทศตุรกี มีจารึกหลายประเภท รวมถึงตราประทับและจารึกบนของที่เก็บได้จากแหล่งซากเรือซึ่งมีอายุประมาณศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสต์ศักราชและเชื่อว่าเป็นเรือการค้า จารึกบนของเหล่านี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ เครือข่ายการค้าทางตะวันออกเมดิเตอร์เรเนียนในยุคทองของยุคสำริด
ความสำคัญ จารึกจากซากเรืออูลูบูรุนช่วยให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการค้า วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ทางการทูตในโลกเมดิเตอร์เรเนียนโบราณ และยังช่วยให้นักวิจัยเข้าใจวัฒนธรรมวัสดุในยุคนี้ รวมถึงชนิดของสินค้าที่ค้าขายและอารยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าระยะไกล

10. เสาหินใหญ่แห่งซีอาน จีน
เสาหินใหญ่แห่งซีอาน (The Large Stele of Xian) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เสาหินพระพุทธศาสนา เป็นจารึกหินจากราชวงศ์ถัง ในประเทศจีน เมื่อปี ค.ศ. 781 เสาหินนี้เป็นการบันทึกการแปลคัมภีร์พระพุทธศาสนาเป็นภาษาจีนและเป็นเอกสารสำคัญในการทำความเข้าใจการแพร่กระจายของพุทธศาสนาในจีน
ความสำคัญ จารึกนี้สำคัญในการทำความเข้าใจการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างอินเดียและจีน รวมถึงบทบาทของพุทธศาสนาในสังคมจีน จารึกนี้ยังบันทึกถึงความสำเร็จทางปัญญาของจีนในด้านการศึกษาเกี่ยวกับศาสนาและการแปลคัมภีร์

11. จารึกวิหารอะมุน-รา แห่งอียิปต์
จารึกวิหารอะมุน-รา (The Temple of Amun-Ra Inscriptions) ที่คาร์นัก เป็นหนึ่งในโครงสร้างศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในอียิปต์ และมีจารึกจำนวนมากที่บันทึกความสำเร็จของฟาโรห์ พระสงฆ์ และเจ้าหน้าที่วิหารเหล่านั้น จารึกเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงการแกะสลักในอักษรภาพ บันทึกกระบวนการสร้างวิหาร พิธีกรรมทางศาสนา และอำนาจทางการเมืองของฟาโรห์ในสมัยราชอาณาจักรใหม่
ความสำคัญ จารึกที่วิหารอะมุน-รา เป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญในการทำความเข้าใจบทบาทของศาสนาในชีวิตการเมืองและสังคมของอียิปต์ ช่วยให้เห็นถึงการปกครองในฐานะพระเจ้า และพิธีกรรมทางศาสนาที่เกี่ยวข้องกับการบูชาเทพอะมุน-รา รวมถึงความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมอียิปต์

12. รายการกษัตริย์ซูเมเรียน แห่งเมโสโปเตเมีย
รายการกษัตริย์ซูเมเรียน (The Sumerian King List) เป็นจารึกหินที่บันทึกชื่อและระยะเวลาในการปกครองของกษัตริย์ในซูเมอร์ ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปถึงต้นศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช โดยบันทึกการปกครองของราชวงศ์ต่าง ๆ และความสำเร็จของกษัตริย์แต่ละพระองค์
ความสำคัญ รายการกษัตริย์ซูเมเรียน เป็นหนึ่งในเอกสารประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในเมโสโปเตเมีย ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ราชวงศ์ซูเมอร์ รวมถึงบทบาทของการปกครองในพัฒนาการของอารยธรรมเมโสโปเตเมียโบราณ นอกจากนี้ ยังมีการจารึกถึงกษัตริย์ที่มีลักษณะในตำนานและกึ่งตำนาน ทำให้มันเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการศึกษาการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และตำนานในอารยธรรมโบราณ

ศิลาจารึก (stone inscription) หรือ จารึกบนหิน เป็นรูปแบบการบันทึกประวัติศาสตร์ที่ทนทานที่สุด และยังคงเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการศึกษามนุษยชาติ จากอารยธรรมโบราณต่าง ๆ ตั้งแต่รหัสของฮัมมูราบีไปจนถึงจารึกทางศาสนาของพระเจ้าอโศกมหาราช จารึกเหล่านี้ไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์ที่สร้างขึ้น แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับค่านิยม วัฒนธรรม และโครงสร้างทางสังคมของอารยธรรมโบราณ ไม่ว่าจะถูกแกะสลักลงบนวิหารศักดิ์สิทธิ์ หรือแผ่นจารึกเก่าแก่ ดังนั้น ศิลาจารึก (stone inscription) จึงยังคงเป็นทรัพย์สินที่สำคัญในการศึกษาและทำความเข้าใจโลกโบราณ นับตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth