ปัจจุบัน LiDAR (Light Detection and Ranging) เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงการสำรวจทางโบราณคดีอย่างมาก เพราะด้วยการสแกนภูมิประเทศอย่างละเอียดได้ในระยะเวลาอันสั้นและสามารถช้อนลงไปใต้ต้นไม้ที่ปกคลุมพื้นที่ภูมิประเทศ ทำให้ LiDAR กลายเป็นพระเอกในการค้นพบแหล่งโบราณคดีใหม่ในหลายพื้นที่ โดยมอบวิธีการที่ไม่รุกรานในการทำแผนที่และวิเคราะห์ภูมิทัศน์ เทคโนโลยีนี้ใช้การปล่อยคลื่นเลเซอร์และวัดเวลาที่คลื่นสะท้อนกลับจากพื้นผิวเพื่อสร้างแผนที่ภูมิประเทศที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งสามารถมองทะลุผ่านพืชพรรณหนาแน่นได้ บทความนี้ ผู้เขียนตั้งใจจะเล่าถึงแนวคิดพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในโบราณคดี และกรณีศึกษา 10 ตัวอย่าง ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ ในการเปิดเผยความลับทางโบราณคดีของอดีต

เพิ่มเติม : ไลดาร์ (LiDAR) : เครื่องมือเทวดา สำหรับมองผิวโลก

ตัวอย่างผลการสำรวจด้วยเทคนิค LiDAR ทางอากาศ ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถนำมาใช้ในการเก็บ จุดกลุ่มข้อมูล (Point Clouds) เพื่อสร้างแบบจำลองสามมิติ ของของพื้นผิวโลกโดยธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งโครงสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น อาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง (ที่มา : https://innovatek.co.nz)
รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 24-140-7-1024x731.jpg
ภาพ 3 มิติแบบพอยต์คลาวด์ที่สร้างขึ้นโดยโดรน โดยใช้เซนเซอร์ LiDAR ของ Velodyne Velodyne LiDAR (ข้อมูลได้รับการจัดเตรียมโดย Phoenix Aerial) (ที่มา : www.forbes.com)

แนวคิดและข้อดีของ LiDAR ในโบราณคดี

LiDAR เป็นเทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลแบบแอคทีฟที่ใช้การปล่อยคลื่นเลเซอร์เพื่อสร้างแบบจำลอง 3 มิติที่มีความละเอียดสูงของพื้นผิวโลก ติดตั้งบนเครื่องบิน โดรน หรือระบบภาคพื้นดิน เทคโนโลยีนี้วัดระยะทางไปยังวัตถุหรือพื้นผิวโดยการจับเวลาการสะท้อนกลับของคลื่นเลเซอร์ LiDAR มีคุณค่าอย่างยิ่งในโบราณคดีเพราะสามารถ “มองผ่าน” พืชพรรณและตรวจจับความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของภูมิประเทศที่บ่งบอกถึงกิจกรรมของมนุษย์ในอดีต

ข้อดีของ LiDAR ในโบราณคดี การเจาะผ่านพืชพรรณ ระบุลักษณะต่างๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ใต้ป่า ความแม่นยำสูง สร้างแบบจำลองภูมิประเทศที่มีความละเอียดในระดับซับเมตร การสำรวจพื้นที่ขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่รุกราน ไม่สร้างความเสียหายต่อแหล่งโบราณคดีที่มีความเปราะบาง การติดตามการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ใช้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของแหล่งโบราณคดีเพื่อการอนุรักษ์

ผลการวิเคราะห์ข้อมูล กลุ่มจุด (Point Cloud) ที่ตรวจวัดได้จาก LiDAR และแปลความประมวลผลให้อยู่ในรูปของโมเดลภูมิประเทศดิจิทัล (DTM, Digital Terrain Model) ซึ่งแสดงพื้นผิวของโลกโดยลบพืชพรรณและสิ่งก่อสร้าง  (ที่มา : https://www.bbc.com)

LiDAR X โบราณคดี

LiDAR ถูกนำมาใช้ในบริบททางโบราณคดีที่หลากหลาย เช่น ค้นพบแหล่งโบราณคดีที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในสภาพแวดล้อมที่เข้าถึงได้ยาก ทำแผนที่ภูมิทัศน์เมืองโบราณ เช่น ถนน คลอง และอาคาร สร้างประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและการใช้ที่ดิน สนับสนุนการอนุรักษ์และการจัดการมรดกทางวัฒนธรรม ซึ่งต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างกรณีศึกษา การใช้ LiDAR ในการสำรวจทางโบราณคดี ได้อย่างมีประสิทธิผลและประสบความสำเร็จ

1) อังกอร์วัด กัมพูชา

การสำรวจด้วย LiDAR ใน อังกอร์วัด (Angkor Wat) เผยให้เห็นเครือข่ายเมืองขนาดใหญ่รอบวิหาร รวมถึงถนน คลอง และวัดที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน การค้นพบนี้แสดงให้เห็นถึงระบบจัดการน้ำที่ซับซ้อนของอาณาจักรขอม ซึ่งช่วยขยายขอบเขตความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรและปัจจัยที่นำไปสู่การเสื่อมถอยของเมือง

มุมมองแบบเอียงของอังกอร์วัด (Angkor Wat) และบริเวณโดยรอบ (ภาพชั้นบน) ภาพถ่ายออร์โธโมเสกแบบดิจิทัล (ภาพชั้นล่าง) แบบจำลองภูมิประเทศดิจิทัลของ LiDAR ที่ถูกยกนูนขึ้น ด้วยความละเอียด 0.5 เมตร และขยายความสูงในแนวตั้งเป็น 2 เท่า เส้นสีแดงแสดงถึงโครงสร้างแนวเส้นตรงสมัยใหม่ เช่น ถนนและคลอง (ที่มา : https://architexturez.net)

2) คาราโคล เบลีซ

LiDAR เปิดเผยขอบเขตที่กว้างใหญ่ของ เมืองคาราโคล (Caracol) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมมายา ที่ถูกปกคลุมด้วยป่าฝน พบโครงข่ายถนน ระบบเกษตรขั้นบันได และโครงสร้างที่อยู่อาศัย การค้นพบนี้พลิกสมมติฐานเดิมว่าอารยธรรมมายามีลักษณะจำกัดอยู่ที่ศูนย์กลางพิธีกรรม โดยแสดงให้เห็นถึงสังคมที่มีการเชื่อมโยงอย่างกว้างขวาง

ภาพ 3 มิติ ที่สร้างขึ้นจากข้อมูล LiDAR แสดงผังของเมืองคาราโคล ซึ่งเป็นศูนย์กลางสำคัญในเครือข่ายเมืองยุคโบราณของลุ่มน้ำอเมซอน ทางยกระดับทอดแผ่ออกไปในทิศทางต่าง ๆ จากกลุ่มเนินฐาน พีระมิด และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ (ที่มา : www.sciencenews.org)
อีกภาพ LiDAR ของบริเวณศูนย์กลางของเมืองคาราโคล (ที่มา : www.researchgate.net/)

3) สโตนเฮนจ์ สหราชอาณาจักร

LiDAR มีส่วนสำคัญในการทำแผนที่พื้นที่รอบ สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) ค้นพบภูมิทัศน์ที่ซ่อนอยู่ของสโตนเฮนจ์ ได้แก่ เนินฝังศพ ทางเดิน และโครงสร้างไม้ การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าสโตนเฮนจ์เป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์พิธีกรรมที่ซับซ้อน

ภาพ 3 มิติ ที่ขึ้นรูปจากข้อมูล LiDAR พื้นที่รอบสโตนเฮนจ์ (Stonehenge) (ที่มา : https://prehistoric-britain.co.uk)

4) เตโอติฮัวกัน เม็กซิโก

LiDAR เปิดเผยชุมชนที่อยู่อาศัย ระบบระบายน้ำ และแหล่งหินขุดที่ไม่เคยรู้จักใน เตโอติฮัวกัน (Teotihuacan) เมืองสำคัญในเมโสอเมริกา (เม็กซิโก) การค้นพบนี้ช่วยให้เข้าใจแผนผังเมืองและกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรของเมืองที่มีความซับซ้อนสูง

(ซ้าย) ภาพมุมสูงของเมืองเตโอติฮัวกัน (Teotihuacan) เมืองโบราณในประเทศเม็กซิโก (ที่มา : www.science.org) (ขวา) ภาพ LiDAR ที่ผ่านการกรองแล้ว แสดงให้เห็นโครงสร้างและร่องรอยการทำเหมืองหินที่เมืองเตโอติฮัวกัน (ที่มา : www.ancient-origins.net)

5) ติกัล กัวเตมาลา

การสำรวจด้วย LiDAR รอบเมืองมายาโบราณ ติกัล (Tikal) เผยโครงข่ายถนน อ่างเก็บน้ำ และป้อมปราการ รวมถึงการตั้งถิ่นฐานที่ไม่เคยรู้จัก การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าเมืองมายา เป็นส่วนหนึ่งของระบบการค้าและการเกษตรที่เชื่อมโยงกันอย่างกว้างขวาง และยังแสดงให้เห็นการปรับตัวต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การขาดแคลนน้ำ

6) บันเตียชมา กัมพูชา

ที่ บันเตียชมา (Banteay Chhmar) ปราสาทขอมโบราณที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกัมพูชา ติดกับจังหวัดสระแก้วของประเทศไทย ผลการสำรวจ LiDAR พบอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (บาราย) ถนน และวัดเล็กๆ รอบๆ การค้นพบนี้เน้นย้ำถึง บทบาทของการจัดการน้ำในการสนับสนุนประชากรขนาดใหญ่ และการรักษาความมั่นคงของศาสนสถานในสมัยอาณาจักรขอม

7) มาชูปิกชู เปรู

LiDAR ช่วยทำแผนที่ขั้นบันไดการเกษตร ระบบน้ำ และเส้นทางที่ซ่อนอยู่รอบ มาชูปิกชู (Machu Picchu) การค้นพบนี้แสดงให้เห็นความเชี่ยวชาญของชาวอินคาในการปรับตัวเข้ากับพื้นที่ภูเขา และการประกอบกิจกรรมการเกษตรอย่างยั่งยืน

8) ใต้ป่าอเมซอน อเมริกาใต้

การสำรวจด้วย LiDAR ใน ป่าอเมซอน (Amazon) เผยโครงสร้างเรขาคณิต ศูนย์กลางพิธีกรรม และระบบถนนที่ท้าทายความเชื่อเดิมว่า ป่าแห่งนี้มีประชากรเบาบางก่อนการล่าอาณานิคม การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นถึงสังคมก่อนโคลัมเบียที่ซับซ้อน และมีการปรับสภาพแวดล้อมของตน

ข้อมูลที่ได้จาก LiDAR ซึ่งอยู่ภายใต้ป่าไม้ที่ปกคลุมหนาทึบ ช่วยเผยให้เห็นโครงสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นและการปรับเปลี่ยนภูมิประเทศโดยชาวมายา  (ที่มา : www.sapiens.org)

9) เนินดินคาฮอกิยา สหรัฐอเมริกา

LiDAR ถูกใช้ในการทำแผนที่เมืองคาฮอกิยา เมืองสำคัญก่อนยุคโคลัมเบียในอเมริกาเหนือ เผยขอบเขตการสร้างเนินดิน การจัดผังเมือง รวมถึงพื้นที่อยู่อาศัยและโครงสร้างป้องกัน LiDAR ยังช่วยระบุรูปแบบการกัดเซาะที่คุกคามแหล่งโบราณคดีนี้และให้ข้อมูลสำหรับการอนุรักษ์

10) โบโรบูดูร์ อินโดนีเซีย

โบโรบูดูร์ (Borobudur) หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ บรมพุทโธ (Param Buddho) หรือ บุโรพุทโธ ผลการวิเคราะห์และสร้างภาพจากข้อมูล LiDAR เผยให้เห็นเส้นทางโบราณ ระบบชลประทาน และศาสนสถานขนาดเล็ก การค้นพบนี้เชื่อมโยงโบโรบูดูร์กับเครือข่ายวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในวงกว้าง ให้บริบทต่อการสร้างและการใช้วัดแห่งนี้

11) อู่ทอง สุพรรณบุรี

เมืองโบราณอู่ทอง อ. อู่ทอง จ. สุพรรณบุรี โดยขอบเขตของเมืองถูกกำหนดด้วยแนว คูน้ำ (moat) ที่ถูกขุดขึ้น ล้อมรอบพื้นที่ราบเป็นรูปวงรี ซึ่งพบโบราณสถาณและโบราณวัตถุจำนวนมาก กระจายตัวอยู่ภายในพื้นที่ราบของเมือง โดยจากความสำคัญในทางโบราณคดี ที่มีสตอรี่การเป็นเมืองท่าการค้าที่สำคัญ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) จึงจัดตั้งโครงการสำรวจภูมิประเทศระดับรายละเอียด บนพื้นที่โดยรอบเมืองโบราณอู่ทอง โดยใช้เทคโนโลยี Lidar ผลจากการสำรวจเผยให้เห็นสภาพภูมิประเทศโดยรายละเอียดในพื้นที่เมืองโบราณอู่ทองและพื้นที่ข้างเคียง และขยายขีดความสามารถในการแปลความหมายสภาพภูมิศาสตร์ในพื้นที่ ทั้งในมิติธรณีวิทยาและมิติโบราณคดี

เพิ่มเติม : ธรณีวิทยาโบราณคดี เมืองโบราณอู่ทอง

สภาพภูมิประเทศโดยละเอียด พื้นที่โดยรอบคูเมืองอู่ทอง วิเคราะห์จากข้อมูลไลดาร์ แสดงให้เห็นระดับความสูงที่แตกต่างกันระหว่างพื้นที่สูงฝั่งตะวันตก ที่เกิดจากการพัดพาของเศษตะกอนเชิงเขาฝั่งตะวันตกของพื้นที่ มาสู่ที่ราบทางฝั่งตะวันออก

อุปสรรคและอนาคตของ LiDAR ในงานโบราณคดี

แม้ว่า LiDAR จะมีศักยภาพที่กว้างขวาง แต่ก็มีความท้าทายหลายประการ เช่น 1) ค่าใช้จ่าย การสำรวจด้วย LiDAR โดยเฉพาะในพื้นที่ขนาดใหญ่ อาจมีค่าใช้จ่ายสูง 2) การประมวลผลข้อมูล การสร้างแบบจำลองที่ใช้งานได้จากข้อมูลดิบต้องใช้ซอฟต์แวร์และความเชี่ยวชาญขั้นสูง และ 3) การตีความ ลักษณะทางโบราณคดีอาจแยกแยะได้ยากจากลักษณะทางธรรมชาติโดยไม่ตรวจสอบภาคพื้นดิน และ 4) ปัจจัยสิ่งแวดล้อม พืชพรรณหนาแน่นหรือแหล่งน้ำอาจบดบังคุณลักษณะบางประการ

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีใหม่กำลังเพิ่มขีดความสามารถของ LiDARช่น 1) LiDAR ติดตั้งบนโดรน มีความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำ เหมาะสำหรับแหล่งโบราณคดีขนาดเล็ก 2) ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง (AI/ML) ช่วยในการตรวจจับลักษณะและการจดจำรูปแบบโดยอัตโนมัติ เพิ่มความรวดเร็วในการวิเคราะห์การบูรณาการ GIS ผสานข้อมูล LiDAR กับชุดข้อมูลภูมิสารสนเทศอื่นๆ เป็นต้น

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 24-140-5-964x1024.jpg

ภาพเทคนิคใหม่ของการตรวจวัดด้วย LiDAR ซึ่งเลือกใช้แสงเลเซอร์สีเขียวในการตรวจวัดพื้นที่ใต้น้ำ (ที่มา : www.absurveyingph.net, www.geoweeknews.com)

เทคโนโลยี LiDAR ได้เข้ามาปฏิวัติวิธีการศึกษาทางโบราณคดีด้วยการเปิดเผยภูมิทัศน์ที่ซ่อนเร้น ทำให้การวิเคราะห์แหล่งโบราณคดีเป็นไปได้อย่างละเอียด โดยจากกรณีศึกษา 11 ตัวอย่างที่กล่าวมาในข้างต้น แสดงให้เห็นถึงผลกระทบสำคัญของ LiDAR ในการทำความเข้าใจสังคมโบราณ ตั้งแต่อารยธรรมมายาและขอม ไปจนถึงวัฒนธรรมในเทือกเขาแอนดีสและอเมริกาเหนือ ซึ่งด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี LiDAR จะยังคงมีบทบาทสำคัญในงานวิจัยทางโบราณคดีไปอีกนาน

. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth

Share: