![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-0-750x375.jpg)
เสาหินเหลี่ยม (columnar joint) คือ หนึ่งในหลายๆ รูปแบบของโครงสร้างทางธรณีวิทยา (geological structure) ที่แสดงการแตกอย่างเป็นระบบของมวลหิน โดย ระบบรอยแตก (joint set) ทั่วไป เกิดจากแรงบีบอัด (compression stress) ของแรงทางธรณีแปรสัณฐาน ที่เข้ามากระทำมวลหิน ทำให้หินปริแตกในแนวตั้งฉากกับแนวแรงที่กระทำ ซึ่งส่วนใหญ่ในธรรมชาติ จำนวนครั้งหรือทิศของแรงธรณีแปรสัณฐานจะเข้าบีบอัดหินใดๆ ไม่กิน 1-3 ครั้ง/แนวแรง ทำให้หินทั่วไปมักจะมี ระบบรอยแตก (joint set) ไม่กิน 1-3 แนว
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/07/17-5-1a-1024x536.jpg)
แตกต่างจาก เสาหินเหลี่ยม (columnar joint) ที่รอยแตกเกิดจากแรงดึง (dilation stress) จากการหดตัวของเนื้อหิน อันเนื่องมาจากลาวาเย็นตัวกลายเป็นหินอัคนี หรือหินอัคนีบาดาลค่อยๆ เย็นตัวลง (Spry, 1962) คล้ายกับ ระแหงโคลน (mudcrack) เมื่อน้ำแห้ง (โคลนหดตัวเพราะแห้ง ส่วนหินหดตัวเพราะเย็นลง) โดยรอยแตกจะร้าวจากพื้นผิวหินด้านบนลงมาในเนื้อหินด้านล่าง หรือตั้งฉากกับพื้นผิวของการไหลหลากของลาวาเดิม ทั้งนี้ก็เพราะมวลหินด้านบนคลายความร้อนได้ดีกว่า และเย็นตัวก่อนด้านล่าง
columnar joint มีการแปลเพื่อสื่อความหมายเป็นภาษาไทยหลายคำ เช่น แนวแตกเสาเหลี่ยม (ธรณีวิทยา, 2546) เสาหินเหลี่ยม เสาเหลี่ยม แท่งเสาหิน ฯลฯ
เพิ่มเติม : รอยแยกและรอยเลื่อนของหิน
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/07/17-5-1b-1024x536.jpg)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-5-1024x451.jpg)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/11/14-6-6-1024x486.jpg)
โดยธรรมชาติ เสาหินเหลี่ยม (columnar joint) สามารถมีแนวรอยแตกหรือหน้าเสา 3-7 ด้าน แต่มักจะมีหน้า 5-6 ด้าน เป็นส่วนใหญ่ โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลากหลาย ตั้งแต่หลักเซนติเมตร ไปจนถึง 3 เมตร และมีความสูงของเสาได้ถึง 30 เมตร ส่วนใหญ่เป็นเสาตรง ส่วนน้อยก็มีบ้าง ที่เป็นเสาโค้ง
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-6-966x1024.jpg)
สภาพแวดล้อมการเกิด
เสาหินเหลี่ยม (columnar joint) มักเกิดกับ หินอัคนีภูเขาไฟ (volcanic rock) ที่เย็นตัวมาจากลาวาไหลหลาก โดยเสาหินเหลี่ยมจะพบมากที่สุดใน หินบะซอลต์ (basalt) จนบางครั้งเราจะเรียกการจนติดปากว่า เสาหินเหลี่ยมบะซอลต์ แท่งเสาหินบะซอลต์ แต่ก็พบได้บ้างกับหินอัคนีภูเขาไฟชนิดอื่น อย่าง หินแอนดิไซท์ (andesite) และ หินไรโอไรท์ (rhyolite)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/6-18-3-1024x537.jpg)
นอกจากนี้แท่งเสาหินยังสามารถเกิดได้กับ หินอัคนีบาดาล (plutonic rock) ที่เกิดในระดับตื้น (ความที่อยู่ตื้น จะช่วยให้หินคลายความร้อน เย็นตัวและหดตัวได้ดี) เช่น 1) ลำหินอัคนี (stock) 2) พนังแทรกชั้นตามยาว (sill) และ 3) พนังแทรกชั้นตามขวาง (dike) เป็นต้น ส่วน มวลหินอัคนีมวลไพศาล (batholith) ซึ่งมักจะอยู่ในระดับลึกใต้ผิวโลก จึงไม่ค่อยพบว่าเกิด เสาหินเหลี่ยม (columnar joint)
เพิ่มเติม : รู้จัก 14 เศษซาก จากการปะทุและแทรกดันของแมกมา
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2022/01/img_1861-715x1024.jpg)
ประเภทเสาหินเหลี่ยม
Tomkeieff (1940), Spry (1962) และ Long and Wood (1986) แบ่งและตั้งชื่อเสาหินเหลี่ยมออกเป็น 2 ประเภท คือ
1) เสาหินเหลี่ยมแนวตั้ง หรือ โคโลนเนด (colonnade) คือ เสาหินเหลี่ยมขนาดสม่ำเสมอตลอดความสูงเสา ตรงและตั้งฉากกับพื้นผิวโลก ส่วนใหญ่มักเกิดอยู่ด้านล่างของมวลหิน (บะซอลต์) โดยมวลหินจะเย็นตัวไล่ลงจากเนื้อในด้านบน ระบบรอยแตก (joint set) จะค่อยๆ ขยายลงมาสู่ด้านล่าง กลายเป็นเสาหินเหลี่ยมที่ตั้งฉากกับพื้นผิว ขนาดของเสาหินเหลี่ยมแต่ละแท่ง จะสะท้อนถึงการไล่ระดับความร้อนและอัตราการเย็นตัวของหินบะซอลต์ เสาหินเหลี่ยมแนวตั้ง สามารถพบได้ทั่วไปทั่วโลก
2) เสาหินเหลี่ยมแนวนอน หรือ เอนทาบลาเทอร์ (entablature) คือ เสาหินเหลี่ยมที่วางตัวเอียงเทไม่ตั้งฉากกับพื้นผิวหิน ส่วนใหญ่มักเป็นเสาหินเหลี่ยมแนวนอน และโดยรวมจะมีขนาดเสาเล็กกว่าเสาหินเหลี่ยมแนวตั้ง และพบได้ยากกว่าเสาหินเหลี่ยมแนวตั้ง
เสาหินเหลี่ยมแนวนอนเกิดในสภาพแวดล้อมที่ลาวาไหลลงในที่ต่ำ และต่อมามีน้ำท่วมขังมวลหิน ทำให้น้ำไหลซึมลงไปในเนื้อหิน ส่งผลให้หินเย็นตัวอย่างรวดเร็ว จากพื้นผิวลงไปสู่เนื้อหินด้านล่าง มวลหินมีอุณหภูมิแตกต่างกัน การหดตัวจึงแตกต่างกันไปในหลายทิศทาง ก่อให้เกิดเสาหินบิดเบี้ยว ในแนวนอนหรือเอียงเทและมีขนาดเล็ก บางครั้งอาจเรียว ไม่เป็นแท่งเสาเหมือนกับเสาหินเหลี่ยมแนวตั้ง ตัวอย่างเช่น เสาหินเหลี่ยมแนวนอนในแม่น้ำโคลัมเบีย (Columbia River) ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เสาหินเหลี่ยมแนวนอนในประเทศไอซ์แลนด์และอินเดีย เป็นต้น (Sen and Sabale, 2011)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-1-836x1024.jpg)
เกร็ดความรู้ : เสาหินเหลี่ยม
เนื่องจากรูปทรงของ เสาหินเหลี่ยม (columnar joint) มีความละม้ายคล้ายครึ่งกับ ผลึกแร่ควอซ์ต นักธรณีวิทยาในอดีต จึงเคยเชื่อว่าเสาหินเหลี่ยมเกิดจากการตกผลึกของแร่ คล้ายกับการตกผลึกของแร่ควอซ์ต และนำไปกล่าวอ้างเพื่อสนับสนุนทฤษฎี หรือลัทธิในอดีตที่ชื่อว่า ลัทธิเนปจูน (Neptunism) ซึ่งเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ด้านธรณีวิทยาที่เสนอโดย Abraham Gottlob Werner ในปลายศตวรรษที่ 18 ซึ่งเสนอว่า ในยุคแรกเริ่ม หินเกิดจากการตกผลึกของแร่ธาตุในมหาสมุทร
(ตัวอย่าง) เสาหินเหลี่ยมในประเทศไทย
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-0.jpg)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-2-1024x536.jpg)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-3-1024x536.jpg)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-7-1024x536.jpg)
การใช้ประโยชน์
ปัจจุบันมีหลายที่ ที่นำเสาหินเหลี่ยม มาเพิ่มมูลค่าโดยการตัดขวางเป็นท่อน ในกรณีของเสาหินเหลี่ยมที่มีขนาดเล็กก็ใช้เป็นเก้าอี้นั่ง นำไปวางนอนเพื่อทำบรรได หรือแต่งสวน ส่วนเสาหินเหลี่ยมขนาดใหญ่ ก็ตัดเป็นแผ่นบางเป็นโต๊ะได้ ทำอ่างล้างหน้าได้ ซึ่งมีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-4-1024x534.jpg)
นอกจากนี้ในอดีต ยังพบหลักฐานว่าคนโบราณนเสาหินเหลี่ยมำมาใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ทั้งนี้เนื่องจากเสาหินเหลี่ยมง่ายต่อการแยกเป็นชิ้น และมีรูปทรงคล้ายเสาเป็นทุนเดิม สะดวกในการนำมาประยุกต์ใช้ในการก่อสร้างแบบต่างๆ ตัวอย่างเช่น แหล่งโบราณคดี กุนุง ปาดัง (Gunung Padang) บนเกาะชวาตะวันตกในประเทศอินโดนีเซีย หรือแม้กระทั่ง แหล่งโบราณคดี วัดเมืองเก่าแสนตุ่ม (วัดเขาโต๊ะโม๊ะ) ต. ประณีต อ. เขาสมิง จ. ตราด ซึ่งยังมีข้อถกเถียงในวงวิชาการว่า เป็นแหล่งโบราณคดีหรือไม่ หรือเป็นเพียงกระบวนการทางธรณีวิทยาธรรมชาติทั่วไป
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2023/12/17-11-8-1024x536.jpg)
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth