เรียนรู้

ทะเลทรายกับการสะสมตัวของตะกอน

โดยปกติในพื้นที่ทะเลทราย ตัวพัดพาของตะกอนที่โดดเด่นมากที่สุดก็คือลม ซึ่งนักธรณีวิทยาได้จำแนกรูปแบบการพัดพาตะกอนโดยลมออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1) การคืบคลาน (creep) ลมพัดพาตะกอนขนาดทรายหยาบหรือกรวดขนาดเล็กให้เคลื่อนที่ได้โดย การคืบคลาน (creep) หรือ การกลิ้ง (rolling) 2) การกระโดดเป็นช่วง (saltation) ลมพัดพาทรายละเอียดให้เคลื่อนที่แบบกระโดดเป็นช่วง โดยลอยตัวสูง ≥ 50 เซนติเมตร หากมีจำนวนมากเรียกว่า พายุทราย (sand storm) และ 3) การแขวนลอย (suspension) เป็นการเคลื่อนที่โดยลมพัดตะกอนขนาดทรายแป้งหรือดินให้ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศและพัดพาไปได้ไกลหลายกิโลเมตร ซึ่งและเมื่อตะกอนตกทับถมกันเรียกว่า ดินลมหอบ (loess)

รูปแบบการพัดพาตะกอนโดยลม

การสะสมตัวโดยลม

ในพื้นที่ทะเลทราย หรือพื้นที่ที่มีลมแรงลมเด่น การสะสมตัวของตะกอนจากการพัดพาโดยลม เริ่มจากการที่ลมถูกกีดขวางจากวัตถุ ทำให้ลมเปลี่ยนทิศทาง มีการม้วนตัว และความเร็วลดลงเกิดเป็น โซนอับลม (wind shallow zone) ทำให้ตะกอนทรายที่ถูกหอบมาตกทับถมในโซนอับลม กลายเป็นเนินทรายขนาดเล็ก และพัฒนาต่อไปจนกลายเป็น เนินทราย (sand dune) ซึ่งผลจากความเร็วและทิศทางของลมที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดเนินทรายรูปร่างแตกต่างกัน 6 ชนิด ได้แก่

การเกิดเนินทราย

1) เนินทรายพระจันทร์เสี้ยว (barchan dune) โดยด้านหน้าที่ปะทะกับลมจะมีความชันน้อย ส่วนด้านหลังมีความชันสูง ปลายแหลมชี้ทิศทางของลม โดยส่วนใหญ่เกิดในทะเลทรายที่มีพื้นแข็งราบเรียบ มีปริมาณทรายจำกัด มีทิศทางและความเร็วลมคงที่และพัดอย่างสม่ำเสมอ

2) เนินทรายตามขวาง (transverse dune) พัฒนามาจากเนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว เมื่อลมพัดอย่างต่อเนื่องคงที่ ส่วนปลายของเนินทรายจะขยายไปด้านข้างและเชื่อมต่อกับเนินทรายข้างเคียง มีลักษณะเป็นเนินทรายที่ต่อเนื่องกันไปในทิศทางตั้งฉากกับแนวลมหลักที่พัดผ่าน คล้ายกับริ้วคลื่นในทะเล

ประเภทของเนินทราย

3) เนินทรายสันพระจันทร์ (barchaniod dune) เกิดจากเนินทรายพระจันทร์เสี้ยวขนาดเล็กที่ต่อกันเป็นแนว เรียงตัวขวางทิศทางลมหลัก

4) เนินทรายเส้น (longitudinal dune) มีลักษณะยาวตรงเป็นเส้น เดินทางขนานไปกับทิศทางของลม โดยส่วนใหญ่มีความสูงประมาณ 100 เมตร และความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร เกิดในทะเลทรายที่มีทรายสะสมตัวน้อยและลมแรง

ประเภทของเนินทราย

5) เนินทรายพาราโบลา (parabolic dune) บางครั้งเรียกว่า เนินทรายเกือกม้า (parabolic horseshoe dune) เป็นเนินทรายที่มีรูปร่างคล้ายกับตัว U ในภาษาอังกฤษ โดยปลายของเนินทรายอยู่ต้นลม เกิดจากทรายจำนวนมากและมีลมเพียงทิศทางเดียวเหมือนกับเนินทรายรูปพระจันทร์เสี้ยว

6) เนินทรายดาว (star dune) บางครั้งเรียกว่า เนินทรายพีระมิด (pyramidal Dune) มีลักษณะคล้ายกับดาวเป็นสันแยกหลายแฉกออกจากศูนย์กลาง ยอดสูงประมาณ 100-150 เมตร เกิดจากลมหลากหลายทิศทาง

ประเภทของเนินทราย

นอกจากการสะสมตัวที่เพิ่มมากขึ้น ลมยังสามารถทำให้เนินทรายเคลื่อนที่ได้ เรียกว่า กระบวนการเคลื่อนที่ของเนินทราย (dune migration) ซึ่งเมื่อลมพัดผ่านเนินทราย ทรายจะถูกพัดจาก หน้าปะทะลม (windward slope) ให้กระดอนไปตกยัง ด้านหลังของเนินทราย (drift face) ทำให้มีการเคลื่อนที่ของเม็ดทรายอยู่ตลอดเวลา ปกติด้านหน้าที่ปะทะลมจะมีความชันน้อยกว่าด้านหลังซึ่งเป็นที่สะสมตัวของตะกอน และชั้นตะกอนจะเอียงเทสูงไปทางด้านหลังของเนินทราย ซึ่งการเคลื่อนที่ของเนินทรายอาจส่งผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ได้ เช่นบางครั้งเนินทรายเคลื่อนที่ปิดเส้นทางคมนาคม รุกล้ำที่อยู่อาศัยของมนุษย์

กระบวนการเคลื่อนที่ของเนินทราย
ชั้นหินที่ในอดีตเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนแบบเนินทราย
ผลกระทบจากการเคลื่อนที่ของเนินทรายรุกล้ำชุมชน

การสะสมตัวโดยน้ำ

ผลจากการสะสมตัวของตะกอนโดยน้ำในสภาพแวดล้อมแบบทะเลทราย ทำให้เกิดภูมิลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น 2 รูปแบบ คือ

1) เนินตะกอนรูปพัด (alluvial fan) เกิดจากการไหลหลากของลำธารชั่วคราวอย่างรวดเร็วลงมาตามร่องเขา ทำให้เศษตะกอน ถูกพัดพาออกมาทับถมบริเวณหน้าเขา เกิดเป็น เนินตะกอนรูปพัด (alluvial fan) บางครั้งเนินตะกอนรูปพัดเกิดเป็นแพอย่างต่อเนื่องกัน เรียกว่า บาจาดา (bajada)

2) ทะเลสาบนํ้าเค็มบนพื้นทวีป (playa lake) เกิดจากน้ำพื้นผิวที่ไหลอย่างรวดเร็วมาขังตัวในแอ่งหรือพื้นที่ลุ่มต่ำภายในทะเลทราย ซึ่งด้วยความร้อนและอัตราการระเหยของน้ำที่สูง ทำให้ตะกอนแขวนลอยต่างๆ มีโอกาสตกทับถมในทะเลสาบ เช่น เฮไลด์ ยิปซั่ม เป็นต้น

สภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนในสภาพแวดล้อมแบบทะเลทราย

. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth

Share: