เรียนรู้

อนุภาคของแข็งในอากาศ (Lithometeors)

1. ฝุ่น (dust)

ฝุ่น (dust) ในบรรยากาศประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ ของแข็งที่ลอยอยู่ในอากาศและสามารถเดินทางไปไกลได้ด้วยกระแสลม มีทั้งแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติและจากกิจกรรมของมนุษย์ 1) แหล่งกำเนิดตามธรรมชาติ เช่น บริเวณแห้งแล้งหรือกึ่งแห้งแล้งที่มีดินหลวมซึ่งลมสามารถพัดขึ้นไปในอากาศได้ ตัวอย่างเช่น ทะเลทรายสะฮารา โกบี และอะตากามา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นสำคัญของโลก พายุฝุ่นในพื้นที่เหล่านี้สามารถพัดอนุภาคไปไกลเป็นพันกิโลเมตร บางครั้งถึงทวีปอื่น ๆ

ลมกำลังแรง ทางตอนเหนือของประเทศจีน สามารถพัดพาอนุภาคฝุ่น ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปทางทิศตะวันออก และสะสมตัวบน ทวีปอเมริกาเหนือ เรียกว่า ฝุ่นเอเชีย (Asian dust) ซึ่งทำให้ทัศนวิศัยในการเดินทางแย่ลง
แผนที่โลกแสดงการกระจายตัวของสภาพแวดล้อมแห้งแล้ง

นอกจากนี้ การปะทุของภูเขาไฟยังเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นสำคัญ โดยเถ้าภูเขาไฟที่ปล่อยออกมาประกอบด้วยเศษหิน แก้ว และแร่ธาตุซึ่งสามารถลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศได้นานเป็นเดือนหรือปี ส่งผลต่ออุณหภูมิและสภาพอากาศของโลก แหล่งธรรมชาติอื่น ๆ เช่น ซากพืชและสัตว์ที่เน่าเปื่อย ละอองเกสรดอกไม้ และสปอร์ของเชื้อรา ก็มีส่วนทำให้เกิดฝุ่นในบรรยากาศเช่นกัน

2) กิจกรรมของมนุษย์ มีส่วนทำให้เกิดฝุ่นมากขึ้น เช่น การเกษตร การก่อสร้าง และการทำเหมืองแร่ การไถพรวนและการเตรียมดินทำให้หน้าดินถูกลมพัดได้ง่าย ในขณะที่ไซต์ก่อสร้างและเหมืองแร่สร้างฝุ่นในปริมาณมากโดยเฉพาะในเขตเมืองและอุตสาหกรรม ฝุ่นจากถนนที่เกิดจากยานพาหนะวิ่งผ่านก็เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นที่สำคัญในเขตเมืองเช่นกัน

กิจกรรมมนุษย์ที่ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดฝุ่น

ผลกระทบของฝุ่นในบรรยากาศมีหลายด้าน เช่น ลดทัศนวิสัย ทำให้เกิดหมอกควัน และส่งผลต่อความปลอดภัยในการเดินทาง ฝุ่นยังมีบทบาทเป็นแกนควบแน่นของเมฆ ซึ่งมีผลต่อกระบวนการเกิดฝนและอาจส่งผลต่อสภาพอากาศในท้องถิ่นและภูมิภาคได้ นอกจากนี้ การสัมผัสฝุ่นในระยะยาว โดยเฉพาะอนุภาคขนาดเล็ก อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ปัญหาระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และการกำเริบของโรคหืด

เพิ่มเติม : ทัศนวิสัย (visibility)

ทัศนวิสัย (visibility) หมายถึง ศักยภาพในการมอง 1) วัตถุที่อยู่ไกลในเวลากลางวัน และ 2) แสงสว่างที่อยู่ไกลในเวลากลางคืน ส่งผลต่อความปลอดภัยในการเดินทางของยานพาหนะทั้งทางบก เรือและทางอากาศ

2. ควัน (smoke)

ควัน (smoke) ประกอบด้วยอนุภาคของแข็งและของเหลวขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งเกิดจากกระบวนการเผาไหม้ มีทั้งแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติและจากมนุษย์ โดยมีผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพอย่างมาก แหล่งกำเนิดตามธรรมชาติของควัน ได้แก่ ไฟป่า ซึ่งปล่อยเศษไม้ เถ้าถ่าน และสารระเหยออกสู่อากาศ ไฟป่าเป็นเรื่องปกติในป่าหรือทุ่งหญ้า โดยเฉพาะในฤดูแล้ง และสามารถกระจายควันไปไกลได้ นอกจากนี้ การปะทุของภูเขาไฟยังสร้างควันเมื่อปล่อยก๊าซร้อนและอนุภาคละเอียดออกมาระหว่างการปะทุ ซึ่งมักก่อให้เกิดหมอกควันในชั้นบรรยากาศ

กิจกรรมของมนุษย์เป็นแหล่งควันสำคัญ โดยเฉพาะในกระบวนการอุตสาหกรรม การเผาชีวมวล และการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การปล่อยควันจากโรงงานและโรงไฟฟ้าซึ่งใช้ถ่านหิน น้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง การเผาเพื่อการเกษตร เช่น การเผาพื้นที่เพาะปลูกและซากพืชก็มีส่วนอย่างมากในการปล่อยควันในพื้นที่ชนบท การใช้เชื้อเพลิงแข็ง เช่น ไม้ ถ่าน และฟืนเพื่อทำอาหารและให้ความร้อนในครัวเรือน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ก็เพิ่มปริมาณควันในอากาศเช่นกัน

หมอกควัน (haze) จากโรงงานและโรงไฟฟ้าซึ่งใช้ถ่านหิน น้ำมัน หรือก๊าซ

ผลกระทบของควันต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพมีความสำคัญมาก ควันสามารถทำให้เกิดหมอกควันหนาแน่นในเขตเมือง ลดทัศนวิสัย และเพิ่มมลพิษทางอากาศ อนุภาคในควัน เช่น คาร์บอนดำและสารอินทรีย์เป็นอันตรายเมื่อสูดดมเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจได้ การสัมผัสควันในระยะยาว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการเผาไหม้ชีวมวลบ่อยครั้งหรือมีกิจกรรมอุตสาหกรรมหนาแน่น เพิ่มความเสี่ยงของโรค เช่น หืดหลอดลม หลอดลมอักเสบ และมะเร็งปอด นอกจากนี้ อนุภาคควันยังส่งผลต่อสภาพอากาศโดยการดูดซับและกระจายแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนหรือเย็นในบางพื้นที่ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของอนุภาค

ยานยนต์ คือสาเหตุหลักของการปลดปล่อยมลพิษทางอากาศประเภท กลุ่มออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx)

3. ทราย (sand)

ทราย (sand) เป็นอนุภาคขนาดใหญ่กว่าอนุภาคฝุ่นและมักพบในพื้นที่แห้งแล้งและทะเลทราย ซึ่งลมแรงสามารถพัดทรายให้ลอยขึ้นไปในอากาศได้ พายุทราย หรือที่เรียกว่า “ฮาบูบ” (Haboob) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อกระแสลมแรงพัดพาทรายปริมาณมหาศาลขึ้นมาสร้างกลุ่มเมฆทรายหนาทึบ ลดทัศนวิสัยจนเกือบเป็นศูนย์ พายุทรายเหล่านี้พบได้บ่อยในทะเลทรายสะฮารา อาหรับ และโกบี ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การดำเนินชีวิต และสุขภาพอย่างมาก

เพิ่มเติม : การกัดกร่อนในทะเลทราย

นอกจากนี้ มนุษย์ยังมีส่วนทำให้ทรายฟุ้งกระจายขึ้นในอากาศผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การก่อสร้าง การทำเหมืองแร่ และการใช้ยานพาหนะในพื้นที่ที่มีทราย กิจกรรมเหล่านี้รบกวนอนุภาคทรายที่หลวมอยู่บนพื้นผิว ทำให้ทรายสามารถกระจายตัวในพื้นที่ได้มากขึ้น พายุทรายและการฟุ้งกระจายของทรายในอากาศนำมาซึ่งอันตรายหลายประการ เช่น การสร้างอุปสรรคในการเดินทาง การลดทัศนวิสัย และการรบกวนเส้นทางการบิน อนุภาคทรายเมื่อสูดดมเข้าสู่ร่างกายอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ และอาจทำให้อาการของโรคระบบทางเดินหายใจแย่ลงได้

พายุทรายในมุมองต่างๆ 
แผนที่แสดงการกระจายตัวของดินลมหอบและลักษณะเฉพาะของดินลมหอบ

การตกสะสมของทรายในพื้นที่ที่ไม่ได้เป็นต้นกำเนิดสามารถทำให้ระบบนิเวศในพื้นที่นั้นเปลี่ยนแปลงไป เช่น ทรายที่สะสมอาจคลุมพืชพรรณ ทำให้ดินเปลี่ยนแปลง และส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนตัวของทรายยังมีบทบาทในกระบวนการทางธรรมชาติ เช่น การก่อรูปเนินทราย หรือการฟื้นฟูชายฝั่งที่เกิดจากกระบวนการลมพัดพาทราย

4. เถ้าภูเขาไฟ (volcanic ash)

เถ้าภูเขาไฟ (volcanic ash) ถือเป็นอนุภาคของแข็งในอากาศอีกชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟ เถ้าภูเขาไฟประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กของหิน แร่ธาตุ และเศษแก้วภูเขาไฟที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อแมกมาแตกตัวออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ระหว่างการปะทุ เถ้าภูเขาไฟเหล่านี้ถูกพ่นขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ซึ่งสามารถคงอยู่ในอากาศได้นาน ขึ้นอยู่กับขนาดของอนุภาคและระดับความสูงของการปะทุ

เพิ่มเติม : ภัยพิบัติจากภูเขาไฟ ซึ่งไม่ได้มีแค่ลาวา

ธุลีหลาก ภูเขาไฟพินาตูโบ ฟิลิปปินส์ พ.ศ. 2534 (ที่มา : www.geologues-prospecteurs.fr)

เถ้าภูเขาไฟมีคุณสมบัติที่กัดกร่อนสูงและสร้างอันตรายหลายประการ เถ้าภูเขาไฟสามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเครื่องยนต์และอุปกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเครื่องบินเมื่อเถ้าถูกดูดเข้าไปในเครื่องยนต์ นอกจากนี้ การปะทุของภูเขาไฟที่รุนแรงยังทำให้เกิดเมฆเถ้าที่หนาทึบ ซึ่งรบกวนการเดินทางทางอากาศโดยลดทัศนวิสัยและเพิ่มความเสี่ยงต่ออากาศยาน สำหรับพื้นที่ภาคพื้นดิน เถ้าภูเขาไฟสามารถปกคลุมภูมิประเทศ ทำลายพืชผลปศุสัตว์ ปนเปื้อนแหล่งน้ำ และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน การสูดดมเถ้าภูเขาไฟอาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว

ผลกระทบจากภัยพิบัติเถ้าหล่น ภูเขาไฟพินาตูโบประทุ พ.ศ. 2534 เมฆของเถ้าภูเขาไฟกว้าง 400 กิโลเมตร สะสมบนหลังคาน้ำหนักเถ้าทำให้โครงสร้างถล่ม เถ้าหล่นในพื้นที่เกษตร ผลิตผลการเกษตรเสียหาย

ผลกระทบทางภูมิอากาศของเถ้าภูเขาไฟนั้นรุนแรงมาก การปะทุใหญ่สามารถฉีดเถ้าปริมาณมากและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นสตราโตสเฟียร์ ซึ่งจะสร้างละอองลอยสะท้อนแสงที่ปิดกั้นแสงแดด กระบวนการนี้อาจนำไปสู่การเย็นตัวของโลกในระยะสั้น เช่นเดียวกับที่เกิดในเหตุการณ์การปะทุของภูเขาไฟปินาตูโบในปี พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) เถ้ายังช่วยเพิ่มหมอกควันในบรรยากาศ ทำให้ทัศนวิสัยลดลงและส่งผลต่อรูปแบบสภาพอากาศ

5. หมอกควัน (haze)

หมอกควัน (haze) คือ ปรากฏการณ์ในบรรยากาศที่เกิดจากการแขวนลอยของอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่น ควัน และละอองลอย ซึ่งสามารถกระจายแสงและดูดซับแสง ทำให้เกิดสภาวะอากาศที่ขุ่นมัว หมอกควันเกิดขึ้นได้ทั้งในพื้นที่เมืองและชนบท โดยมีแหล่งกำเนิดจากธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ แหล่งธรรมชาติของหมอกควัน ได้แก่ ไฟป่า การปะทุของภูเขาไฟ และพายุฝุ่น ส่วนแหล่งที่เกิดจากมนุษย์ได้แก่ การปล่อยก๊าซและอนุภาคจากโรงงานอุตสาหกรรม การปล่อยไอเสียจากยานพาหนะ และการเผาไหม้ชีวมวล

หมอกควัน (haze) จากโรงงานและโรงไฟฟ้าซึ่งใช้ถ่านหิน น้ำมัน หรือก๊าซ

หมอกควันส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยอย่างมาก ทำให้การมองเห็นลดลงจนมองไม่เห็นภูมิทัศน์หรือสถานที่สำคัญ ในเขตเมือง หมอกควันยังมีส่วนทำให้เกิดมลพิษที่เรียกว่า หมอกปนควัน (smog) ซึ่งเป็นส่วนผสมของหมอกควันและสารมลพิษที่ทำลายคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน อนุภาคในหมอกควันอาจมีปฏิสัมพันธ์กับไอน้ำในบรรยากาศ ทำให้เกิดชั้นหมอกควันที่หนาแน่นและคงอยู่ได้นานขึ้นในสภาพอากาศที่ชื้น

เพิ่มเติม : มลพิษทางอากาศ (air pollution)

หมอกปนควัน (smog) ในกรุงเทพมหานคร เมื่อ วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 25653 (ที่มา : The Standard Thailand)

ค.ศ. 1850 กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทั่วทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกหนา ที่ผสมกับควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ต่อมาในปี ค.ศ. 1873 มีผู้เสียชีวิต 700 คน และใน ค.ศ. 1911 มีผู้เสียชีวิตถึง 1,100 คน ซึ่งเพื่อที่จะอธิบายถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น นักฟิสิกส์ชื่อ ฮาโรลด์ เดส วูซ์ (Harold Des Voeux) ได้เสนอ นิยามของคำว่า หมอกปนควัน (smog) = smoke + fog ซึ่งหมายถึง ส่วนผสมของหมอกและควัน

ผลกระทบต่อสุขภาพจากหมอกควันมีความสำคัญอย่างมาก อนุภาคขนาดเล็ก เช่น PM2.5 สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจลึกถึงปอด ทำให้เกิดปัญหาระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจได้ การสัมผัสหมอกควันในระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะในกลุ่มที่เปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว นอกจากนี้ หมอกควันยังส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น การรบกวนการขนส่ง การท่องเที่ยว และกิจกรรมกลางแจ้ง

6. ละอองลอย (aerosols)

ละอองลอย (aerosols) คือ อนุภาคขนาดเล็กหรือหยดของเหลวที่แขวนลอยในอากาศ สามารถเกิดขึ้นได้จากธรรมชาติ เช่น เกลือทะเล เกสรดอกไม้ และเถ้าภูเขาไฟ หรือจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น เขม่า ควันจากการเผาไหม้ และการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรม ละอองลอยมีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่าง ๆ ของชั้นบรรยากาศ เช่น การก่อตัวของเมฆและการตกตะกอน

แหล่งธรรมชาติของละอองลอย ได้แก่ การพ่นละอองน้ำจากมหาสมุทรซึ่งผลิตเกลือทะเล และการปลดปล่อยละอองเกสรและสปอร์จากพืชพรรณ การปะทุของภูเขาไฟยังปล่อยละอองลอยในรูปของเถ้าภูเขาไฟและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ส่วนกิจกรรมของมนุษย์ เช่น กระบวนการอุตสาหกรรม การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล และการปล่อยควันจากยานพาหนะมีบทบาทในการเพิ่มความเข้มข้นของละอองลอยในชั้นบรรยากาศ

ละอองลอยส่งผลต่อสภาพอากาศโดยการโต้ตอบกับรังสีแสงอาทิตย์ อนุภาคสามารถสะท้อนแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดการเย็นตัว หรือดูดซับความร้อน ทำให้เกิดการร้อนขึ้น อนุภาคเหล่านี้ยังทำหน้าที่เป็นแกนควบแน่นของเมฆ ส่งผลต่อคุณสมบัติของเมฆและรูปแบบการตกตะกอน อย่างไรก็ตาม ระดับละอองลอยที่เพิ่มขึ้นทำให้คุณภาพอากาศลดลง สร้างผลกระทบต่อสุขภาพเช่นเดียวกับหมอกควันและควัน

PM 10 เป็นสาเหตุการก่อตัวของ หมอกควันอาร์กติก (Arctic haze) ที่มักจะก่อตัวเหนือทวีปอาร์กติก ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (ที่มา : Ivan Kurmyshov)

7. เถ้าจากการเผาไหม้ (ash)

เถ้าจากการเผาไหม้ (ash) คือ สิ่งตกค้างที่เกิดขึ้นหลังการเผาไหม้ของวัตถุอินทรีย์หรืออนินทรีย์ มันเป็นหนึ่งในลิโทมีเทอร์ที่สำคัญและมักเกิดขึ้นในกิจกรรมทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ เช่น ไฟป่า การเผาในพื้นที่การเกษตร และกระบวนการอุตสาหกรรม อนุภาคละเอียดในเถ้ามักประกอบด้วยแร่ธาตุและโลหะหนักที่สามารถก่อให้เกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

เมื่อเถ้าฟุ้งกระจายขึ้นไปในบรรยากาศ มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมลพิษทางอากาศและลดทัศนวิสัยอย่างมาก เถ้าจากการเผาไหม้ในปริมาณมาก เช่น จากไฟป่า สามารถกระจายไปยังพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลและส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่ชนบท การเผาพื้นที่เพาะปลูกเพื่อเตรียมดินหรือกำจัดวัชพืชส่งผลให้เกิดเถ้าชีวมวลที่ลอยขึ้นไปในอากาศ ซึ่งอาจมีสารเคมีตกค้างที่เป็นพิษ การเผาขยะในพื้นที่อุตสาหกรรมหรือชุมชนยังเป็นแหล่งของเถ้าที่มีอนุภาคขนาดเล็กที่สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้ง่าย

เพิ่มเติม : ไฟป่า (wildfire)

ไฟผิวดิน (surface fire)

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการสะสมของเถ้าในพื้นดินหรือน้ำสามารถเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของดินและน้ำได้ ทำให้ระบบนิเวศได้รับผลกระทบ ตัวอย่างเช่น การสะสมของเถ้าในแม่น้ำหรือทะเลสาบอาจทำให้น้ำมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้นและส่งผลเสียต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ ในด้านสุขภาพ การสูดดมอนุภาคเถ้าสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ โรคปอด และปัญหาสุขภาพระยะยาว เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)

8. พัมมิซ (pumice)

พัมมิซ (pumice) และเศษชิ้นส่วนภูเขาไฟขนาดใหญ่ แม้ว่าจะไม่ใช่อนุภาคของแข็งที่พบได้ทั่วไปในชั้นบรรยากาศ แต่ก็สามารถลอยขึ้นไปในอากาศได้ชั่วคราวระหว่างการปะทุของภูเขาไฟ พัมมิซเป็นหินภูเขาไฟที่มีน้ำหนักเบาและมีรูพรุนจำนวนมาก ทำให้สามารถลอยน้ำได้ และในบางกรณีสามารถลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เศษชิ้นส่วนภูเขาไฟขนาดใหญ่ เช่น หินหลอมเหลวหรือเศษหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ มักจะถูกพ่นขึ้นไปในระหว่างการปะทุที่รุนแรงและตกลงบนพื้นที่ใกล้เคียงกับภูเขาไฟ

เศษชิ้นส่วนเหล่านี้มักตกลงบนพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีน้ำหนักมาก แต่การตกสะสมของเศษหินเหล่านี้สามารถสร้างความเสียหายต่อภูมิประเทศและระบบนิเวศในท้องถิ่นได้ ตัวอย่างเช่น การสะสมของพัมมิซในพื้นที่ชายฝั่งทะเลสามารถเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่งและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของชุมชนชายฝั่ง

เพิ่มเติม : สิ่งที่ภูเขาไฟผุยออกมา ไม่ได้มีลาวาแค่อย่างเดียว

กรวดภูเขาไฟ (pyroclastic) คือ เศษหินเดิมของปากปล่องภูเขาไฟที่ระเบิดออกมาจากการปะทุของภูเขาไฟอย่างรุนแรงของลาวาที่มีความหนืดสูง
การปะทุแบบพลิเนียน ภูเขาไฟเซนต์ เฮเลน พ.ศ. 2523 (ที่มา : www.oregonlive.com)

ผลกระทบในทันทีจากการตกสะสมของเศษหินภูเขาไฟขนาดใหญ่รวมถึงการสร้างความเสียหายต่อสิ่งก่อสร้างและอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ในบริเวณใกล้เคียงภูเขาไฟ พื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยพัมมิซหรือเศษหินภูเขาไฟอาจถูกทำลายโดยสิ้นเชิง แต่ในระยะยาว การสะสมของเศษหินเหล่านี้อาจสร้างดินที่อุดมสมบูรณ์และส่งเสริมการเติบโตของพืชพรรณใหม่

. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth

Share: