เรียนรู้

การหาอายุวัสดุทางธรณีวิทยาและโบราณคดี

ในการสืบค้นหรือศึกษาเรื่องราวในอดีต ไม่ว่าจะเป็นทางธรณีวิทยาหรือโบราณคดี หากมีพยานบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่คอยบอกเล่า เรื่องราวก็คงคลี่คลายได้ง่าย หรือหากย้อนกลับไปไกลขึ้นอีกก่อนหน้านั้น ในช่วงที่มี บันทึกประวัติศาสตร์ (historical record) ทั้งจดหมายเหตุ คัมภีร์ใบลาน คติชาวบ้าน ฯลฯ นักธรณีวิทยาและนักโบราณคดีก็ยังพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวของงานที่กำลังศึกษาได้ อย่างไรก็ตามหากตัวละครที่กำลังศึกษานั้นเก่าแก่หรือมีอายุมากกว่าเกินที่จะมีคนคอยบอกเล่าหรือมีบันทึกเก็บเอาไว้ หนทางเดียวที่นักธรณีวิทยาและนักโบราณคดีจะสามารถลำดับเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ก็คือ การหาอายุจากวัดจากวัสดุหรือตัวละครที่ยังหลงเหลืออยู่ในตอนนั้น

ซึ่งนอกจาก การหาอายุสัมพัทธ์ (relative-age dating) ที่ศึกษาได้จากการลำดับชั้นหินและฟอสซิล การหาอายุสัมบูรณ์ (absolute-age dating) เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่สำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์และลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก โดย การหาอายุสัมบูรณ์ หมายถึง การหาอายุวัตถุทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถแสดงผลในหน่วยเวลาเป็นตัวเลขที่แน่นอน แตกต่างจาก การหาอายุสัมพัทธ์ ที่จะได้ออกมาในรูปของ อันโน้นแก่กว่าอันนี้ ตรงนี้อ่อนกว่าตรงนั้น

การกำหนดอายุสัมบูรณ์ เรียกอีกอย่างก็ได้ว่า การหาอายุทางวิทยาศาสตร์ (chronology) ซึ่งการหาอายุทางวิทยาศาสตร์ในงานโบราณคดี ภาษาฝรั่งจะใช้คำว่า archaeochronology แต่ถ้าเป็นงานทางธรณีวิทยาจะเรียกว่า geochronology และจะเรียกคนที่เชี่ยวชาญหรือ นักหาอายุทางวิทยาศาสตร์ นี้ว่า chronologist

นักหาอายุทางวิทยาศาสตร์ (chronologist) กำลังตรวจวัดเพื่อหาอายุตัวอย่างทางธรณีวิทยาและโบราณคดีด้วยวิธีเปล่งแสง (luminescence dating)

รูปแบบการแสดงผลอายุ

ดังที่กล่าวในข้างต้น การหาอายุสัมบูรณ์จะแสดงผลออกมาในรูปของตัวเลข ที่ได้จากการตรวจวัดวัสดุและคำนวณผลตามหลักการและทฤษฏีของแต่ละวิธีการหาอายุ ซึ่งในการรายงานหรือนำเสนอผลอายุที่วิเคราะห์ได้ นักหาอายุจะแสดงออกมา 3 ส่วน คือ

1) ตัวเลขอายุ

ตัวเลขอายุ (date) คือ ผลอายุที่ได้โดยตรงจากเครื่องมือตรวจวัดและคำนวณตามหลักทฤษฏีที่กำหนดไว้ในแต่ละวิธีการหาอายุ ซึ่งในศาสตร์ด้านการหาอายุสัมบูรณ์ คำว่า ตัวเลขอายุ (date) และ อายุ (age) จะมีความหมายแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดย ตัวเลขอายุ (date) ที่คำนวณได้จะต้องมีการนำมาแปลความหรือตีความ (interpretation) กับบริบทของตัวอย่างหรืองานวิจัย ก่อนที่จะนำเสนอออกมาเป็น อายุ (age) ของวัสดุหรือเรื่องราวนั้นๆ เช่น นักวิจัยเก็บตัวอย่าง อิฐจากแหล่งโบราณคดีจำนวน 5 ก้อน มาหาอายุด้วย วิธีเปล่งแสง (luminescence dating) โดยใช้หลักการตรวจวัดสัญญาณที่มีอยู่นับตั้งแต่อิฐถูกเผาครั้งสุดท้าย ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับอายุของแหล่งโบราณคดีดังกล่าว โดยผลการตรวจวัดและวิเคราะห์ได้ ตัวเลขอายุ (date) ของอิฐทั้ง 5 ก้อน ดังนี้ 1) 1,235.82 ปี 2) 1,215.44 ปี 3) 1,207.68 ปี 4) 7,963.21 ปี และ 5) 17.56 ปี

ตัวอย่างการแปลความประเด็นที่ 1 : จากอายุที่ได้พบว่าอิฐ 3 ก้อนแรกนั้นมีอายุใกล้เคียงกัน และสอดคล้องกับการประเมินช่วงอายุจากโบราณวัตถุที่อยู่ในพื้นที่ศึกษา ดังนั้นจึงแปลความว่า ตัวเลขอายุของ 3 ตัวอย่างแรกนั้นมีนัยสำคัญและสามารถนำเสนอได้ ส่วนในกรณีของอิฐก้อนที่ 4 ซึ่งมีอายุแก่กว่าสมมุติฐานตั้งต้น (7,963.21 ปี) จึงเป็นไปได้ว่าตัวอย่างอิฐนั้นไม่ได้ถูกเผาไหม้สมบูรณ์จนลบล้างสัญญาณของดินเดิมก่อนที่จะนำมาปั้นอิฐ หรือไม่ก็อาจจะเป็นอิฐจากแหล่งโบราณคดีที่เกิดขึ้นและล่มสลายก่อนหน้า และมีการนำอิฐดังกล่าวมาใช้ก่อสร้างในสถานที่ใหม่ (ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กลับบริบทของแหล่งโบราณคดีนั้นๆ)

นอกจากนี้จากตัวเลขอายุของอิฐก้อนที่ 5 พบว่ามีอายุใกล้เคียงปัจจุบัน (17.56 ปี) แปลความได้ว่าอาจจะมีการนำอิฐในสมัยปัจจุบันมาซ่อมบำรุงหรือปรับแต่งแหล่งโบราณคดีก่อนหน้านั้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นความผิดพลาดในระหว่างการตรวจวัดหรือในขั้นตอนเตรียมตัวอย่างก่อนการตรวจวัด เป็นต้น

ตัวอย่างอิฐและสีผิวภายในของอิฐ เก็บมาจาก แหล่งโบราณคดีบ้านทุ่งตึก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

ตัวอย่างการแปลความประเด็นที่ 2 : สืบเนื่องจากธรรมชาติของศักยภาพการหาอายุด้วยวิธีเปล่งแสงมีความแม่นยำอยู่ที่หลัก 10 ปี ดังนั้น ตัวเลขหลักหน่วยหรือแม้กระทั่งตัวเลขหลังจุดทศนิยมที่แสดงผลออกมานั้นจึงเป็นเพียงตัวเลขที่ได้จากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ แต่ไม่มีนัยสำคัญในด้านการนำเสนอ อายุ (age) เนื่องจากเป็นการแสดงผลเกินจริงจากศักยภาพของการวิเคราะห์ (over estimation)

ดังนั้นผลการศึกษาหาอายุอิฐจากแหล่งโบราณคดีทั้ง 5 ก้อน ที่ได้ผล ตัวเลขอายุ (date) ดังแสดงในข้างต้น สามารถแปลความเป็น อายุ (age) ของอิฐหรือแหล่งโบราณคดีได้ 3 ตัวอย่าง ดังนี้ 1) 1,240 ปี 2) 1,220 ปี และ 3) 1,210 ปี

2) หน่วยอายุ

หน่วยที่นิยมใช้ในการหาอายุสัมบูรณ์ คือ ปี (year) ซึ่งหมายถึง คาบของการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ โดยนิยมใช้สัญลักษณ์ตามมาตรฐาน International System of Units (SI) เช่น y yr kyr myr และ byr เป็นต้น หรือในกรณีของการหาอายุทางธรณีวิทยาอาจใช้ตัวอักษรย่อ a (ภาษาละติน annum = ปี) เช่น ka (kiloannum) = 103 ปี Ma (megaannum) = 106 ปี Ga (gigaannum) = 109 ปี Ta (teraannum) = 1012 ปี Pa (petaannum) = 1015 ปี Ea (exaannum) = 1018 ปี เป็นต้น

3) คำขยายความของอายุ

นอกจาก อายุ (age) และ หน่วยอายุ (age unit) การรายงานหรือนำเสนออายุในรายงานการวิจัย มักจะเพิ่มคำขยายในรูปแบบตัวย่อ เพื่อขยายความถึงจุดกำเนิดหรือช่วงเวลาเริ่มต้นในการนับอายุ ได้แก่

  • B.E. ย่อมาจาก Buddhist Era หรือ พุทธศักราช (พ.ศ.) ซึ่งหมายถึง การเริ่มนับอายุ พ.ศ. 1 เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน เช่น B.E. 2564
  • A.D. ย่อมาจาก Amno Domini ในภาษาละติน แปลว่า in the year of Christian era since the birth of Christ หรือ คริสต์ศักราช (ค.ศ.) โดยเริ่มต้นนับ ค.ศ. 1 ในปีที่พระเยซูกำเนิดและมีอายุครบ 1 ปี เช่น A.D. 2021
  • B.C. ย่อมาจาก Before (the birth of) Christ หรือก่อนคริสต์ศักราช เช่น ปีนี้เป็นปี ค.ศ. (A.D.) 2010 และ โบราณวัตถุชิ้นหนึ่งมีอายุ 500 B.C. หมายถึง วัตถุชิ้นนี้มีอายุ หรือแก่ หรือสร้างขึ้นเมื่อ 2010+500 = 2,510 ปี เป็นต้น
  • BP ย่อมาจาก Before Present ซึ่งตัวย่อนี้จะใช้เฉพาะในกรณีของการหาอายุด้วย วิธีคาร์บอน-14 เท่านั้น และคำว่า present หรือปัจจุบันในความหมายของวิธีคาร์บอน-14 หมายถึง ปี ค.ศ. 1950 ทั้งนี้เนื่องจากข้อจำกัดในการหาอายุด้วยวิธีคาร์บอน-14 ที่สามารถตรวจวัดได้เฉพาะตัวอย่างที่มีอายุก่อน ปี ค.ศ. 1950 เพราะในเชิงเทคนิคจะต้องมีการเปรียบเทียบปริมาณ C ของตัวอย่างกับ C ที่อยู่ในอากาศของโลก แต่เนื่องจากในช่วง ปี ค.ศ. 1950 เป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมและมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่อากาศจำนวนมาก ทำให้การหาอายุด้วยวิธีคาร์บอน-14 ไม่สามารถหาอายุกับตัวอย่างที่เกิดหลังจากปี ค.ศ. 1950 ได้ โดยตัวอย่างที่นำไปหาอายุหากเกิดหลังปี ค.ศ. 1950 ผลการหาอายุจะรายงานในรูปของ “post bomb” ซึ่งหมายความว่าตัวอย่างดังกล่าวเกิดหลัง ปี ค.ศ. 1950 ส่วนในกรณีที่ตัวอย่างนั้นสามารถหาอายุได้ด้วยวิธีคาร์บอน-14 เช่น ตัวอย่างถ่านอายุ 1,000 yr BP หมายความว่า ตัวอย่างนั้นอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1950-1000 = ค.ศ. 950 เป็นต้น

วิธีการหาอายุที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

นับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้มีการคิดค้นเทคนิคหรือวิธีการหาอายุสัมบูรณ์ของวัสดุมาอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยทฤษฏีหรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ มาเป็นเกณฑฺ์ โดยจากการรวบรวมในเบื้องต้นพบว่า ในแต่ละหลักการทางวิทยาศาสตร์ จะมีการนำเสนอวิธีการหาอายุอยู่หลากหลายวิธี ดังนี้

การเลือกใช้วิธีการหาอายุที่เหมาะสม

ด้วยทฤษฎี เทคโนโลยีและเครื่องมือที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ทำให้การหาอายุสัมบูรณ์นั้นมีหลากหลายวิธีตามทฤษฎีที่ใช้หาอายุ ซึ่งในแต่ละครั้งของการเลือกใช้วิธีหาอายุกับวัตถุที่ต้องการศึกษานั้น นักวิทยาศาสตร์หรือนักหาอายุควรพิจารณาข้อจำกัดและปัจจัยสำคัญ 3 ปัจจัย คือ

1) วัตถุหรือตัวอย่าง (material) ควรพิจารณาว่าตัวอย่างที่ต้องการหาอายุนั้นเป็นวัตถุชนิดใดและเหมาะสมกับวิธีการหาอายุแบบใดดังแสดง เช่น การหาอายุด้วยวิธีคาร์บอน-14 มีประสิทธิภาพสูงในการหาอายุตัวอย่างอินทรียวัตถุ ส่วนการหาอายุด้วยวิธีเรืองแสงความร้อนหรือวิธีกระตุ้นด้วยแสงเหมาะกับการหาอายุวัตถุที่มีองค์ประกอบเป็นแร่ควอตซ์ เป็นต้น

ความสามารถในการประยุกต์วิธีการหาอายุกับวัสดุทางธรณิวิทยาและโบราณคดีชนิดต่างๆ (Aitken, 1990) สัญลักษณ์แต่ละแบบแสดงศักยภาพในการใช้กับการหาอายุที่แตกต่างกัน

2) ช่วงอายุที่เหมาะสม (expected date) สืบเนื่องจากข้อจำกัดทางทฤษฏี ทำให้วิธีการหาอายุในแต่ละวิธีมีประสิทธิภาพกับเฉพาะบางช่วงเวลาเท่านั้น ดังนั้นหากนำตัวอย่างที่ประเมินในเบื้องต้นว่ามีอายุเกินช่วงอายุที่จำกัดไว้ จะทำให้ผลการหาอายุที่ได้นั้นไม่แม่นยำและไม่น่าเชื่อถือ

ช่วงอายุโดยประมาณในแต่ละวิธีการหาอายุ ที่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Colman และ Pierce, 2000)

3) ค่าความผิดพลาด (error) นอกจากนี้วิธีการหาอายุในแต่ละวิธี จะมีความผิดพลาดที่แตกต่างกัน อันเนื่องมาจากข้อจำกัดทางทฤษฏี ขึ้นอยู่กับผู้วิจัยว่าสามารถยอมรับค่าความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในวิธีการหาอายุที่เลือกใช้ได้มากน้อยแค่ไหน

ค่าความผิดพลาดโดยประมาณในแต่ละวิธีการหาอายุ (www.rses.anu.edu.au)

โดยผลจากข้อจำกัดด้านความผิดพลาดของแต่ละวิธีการหาอายุ ทำให้ในการหาอายุตัวอย่างเดียวกันหลายๆ ครั้ง จะได้ค่าที่แปรปรวนในระดับแตกต่างกันไป ซึ่งในทางศาสตร์ของการหาอายุ มีนิยามของความแปรปรวนของค่าอายุ 2 แบบ ดังนี้

  • ความแม่นยำ (precision) คือ การเก็บข้อมูลหลายๆ ครั้งแล้วคำนวณแปรผลออกมาปรากฏว่า ได้ข้อมูลที่ใกล้เคียงกัน หรือมีส่วนเบี่ยงเบน หรือ ความแปรปรวนน้อย เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของชุดข้อมูล
  • ความถูกต้อง (accuracy) คือ ข้อมูลที่เก็บมา ให้ข้อมูลที่ความใกล้เคียงกับค่าเพราะสมมติฐาน หรือทฤษฎี มาก หรือ แปรปรวนจากค่าตามทฤษฎีไม่มาก

ดังนั้นในการทำงานเกี่ยวกับการหาอายุวัสดุทางธรณีวิทยาหรือโบราณคดีหากใช้วิธีการหาอายุเพียงวิธีการเดียว ถึงแม้ว่าจะตรวจวัดตัวอย่างหลายๆ ตัวอย่าง หรือทำซ้ำหลายๆ ครั้ง ก็จัดอยู่ว่ามีความแม่นยำแต่ไม่สามารถตอบได้ว่าหาอายุที่ได้นั้นมีความถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหากต้องการความถูกต้องมากยิ่งขึ้น แนวทางที่นักหาอายุทางธรณีวิทยานิยมใช้คือ การเลือกวิธีการหาอายุอื่นๆ นอกเหนือจากวิธีการหลักที่ใช้ มาทำการทดสอบอายุบางตัวอย่าง เพื่อให้เป็นอายุควบคุม และป้องกันการผิดพลาดทั้งระบบอันเนื่องมาจากเทคนิควิธีการหรือเครื่องมือหลักที่นักวิจัยเลือกใช้

. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth

Share:
Slot Toto Slot Gacor Maxwin slot thailand slot toto slot resmi slot thailand slot qris slot gacor maxwin slot gacor maxwin Slot Gacor Maxwin Slot Gacor Maxwin 2024 Situs Slot Gacor 777 Situs Slot Gacor Toto Slot Gacor 2024 Maxwin Slot Gacor Terbaik Slot Gacor 4D Slot Gacor Terpopuler slot gacor maxwin slot toto gacor scatter hitam slot thailand slot777 slot maxwin slot thailand slot toto gacor slot gacor 777 Slot Gacor Thailand slot88 maxwin slot thailand 2024