![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/07/6-18-7-750x375.jpg)
กรวดภูเขาไฟ
กรวดภูเขาไฟ (pyroclastic) คือ เศษหินเดิมของปากปล่องภูเขาไฟที่ระเบิดออกมาจากการปะทุของภูเขาไฟอย่างรุนแรงของลาวาที่มีความหนืดสูง ทำให้ได้ชิ้นส่วนที่มีขนาด รูปร่าง และเนื้อหินที่แตกต่างกัน ซึ่งนักธรณีวิทยาจำแนกกรวดภูเขาไฟตามขนาด ดังแสดงในตารางด้านล่าง
ชนิด | ขนาด (มม.) | ลักษณะเฉพาะ |
ฝุ่นภูเขาไฟ (dust) | < 0.2 | ฟุ้งได้ไกลและอยู่ในอากาศได้นาน |
เถ้าภูเขาไฟ (tuff) | 0.2-0.4 | เนื้อแก้ว เมือสะสมตัวจะหลอมเป็นหิน |
มูลภูเขาไฟ (cinder) | 4-32 | ขนาดเท่าเมล็ดถั่วลันเตา |
ลาพิลลี (lapilli) | 2-64 | ขนาดเท่ากับลูกวอลนัท |
บอมบ์ (bomb) | > 32 | คล้ายกับลูกรักบี้ เกิดจากการเสียดสีกับอากาศขณะปะทุ |
บล็อก (block) | > 64 | อาจเป็นเศษหินเดิมที่อยู่ในปล่องภูเขาไฟ |
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/6-18-1-1024x554.jpg)
นอกจากวัสดุขนาดต่างๆ ที่ได้จากการปะทุของภูเขาไฟ ในส่วนของแมกมาที่อยู่ใต้พื้นผิวโลกหรือลาวาที่ไหลหลากขึ้นมาบนผิวโลก เมื่อเย็นและแข็งตัวกลายเป็นหิน เรียกว่า หินอัคนี (igneous rock) ซึ่งแบ่งตามสภาพแวดล้อมการเกิดหินอัคนีดังกล่าวได้ 2 ชนิด คือ 1) หินอัคนีภูเขาไฟ และ 2) หินอัคนีบาดาล
หินอัคนีภูเขาไฟ
หินอัคนีภูเขาไฟ (volcanic rock) หรือ หินอัคนีปะทุ (extrusive rock) หมายถึง หินอัคนีที่เกิดจากการเย็นตัวของลาวาอย่างรวดเร็วบนพื้นผิวโลก ทำให้แร่องค์ประกอบมีเวลาน้อยในการตกผลึก จึงเป็นหินที่มี เนื้อละเอียด (aphanitic texture) ซึ่งไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า หินอัคนีภูเขาไฟ แบ่งย่อยตามแร่องค์ประกอบหรือชนิดของแมกมาได้ 3 ชนิด
1) หินไรโอไรท์ (rhyolite) เกิดจากการปะทุของแมกมาไรโอไรท์ มีสีขาว เทา น้ำตาลอ่อนหรือสีชมพู บางครั้งแมกมาไรโอไรท์เย็นตัวอย่างรวดเร็วมากจะได้หินที่มี เนื้อแก้ว (glasseous texture) เรียกว่า หินออปซิเดียน (obsidian) หรือหากแมกมาไรโอไรท์มีปริมาณก๊าซสูง เมื่อแข็งตัว หินจะมีรูพรุนมากคล้ายกับฟองน้ำ เนื้อฟอง (vesicular texture) เรียกว่า หินพัมมิซ (pumice) ซึ่งมีเนื้อสีขาว น้ำหนักเบาและลอยน้ำได้
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/6-18-2-1024x561.jpg)
2) หินแอนดิไซท์ (andesite) เกิดจากการปะทุของแมกมาแอนดิไซท์ โดยส่วนใหญ่มีสีเขียวแก่หรือสีเทา โดยชื่อหินแอนดิไซท์ มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาแอนดีส (Andes) ในพื้นที่ประเทศเปรูและชิลี
3) หินบะซอลต์ (basalt) เกิดจากการปะทุของแมกมาบะซอลต์ มีสีดำคล้ำเป็นส่วนใหญ่ เป็นส่วนประกอบสำคัญของแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทร บางครั้งอาจพบหินที่มีองค์ประกอบคล้ายกับหินบะซอลต์แต่มีรูพรุนคล้ายกับฟองน้ำเหมือนกับหินพัมมิช เรียกหินชนิดนี้ว่า หินสคอเรีย (scoria)
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/6-18-3-1024x537.jpg)
หินอัคนีบาดาล
หินอัคนีบาดาล (plutonic rock) หรือ หินอัคนีแทรกดัน (intrusive rock) หมายถึง หินอัคนีที่เกิดจากการเย็นตัวของแมกมาภายในเปลือกโลก ซึ่งเนื่องจากอุณหภูมิของมวลแมกมาและหินข้างเคียงไม่แตกต่างกันมากนัก แมกมาจึงตกผลึกอย่างช้าๆ ทำให้แร่องค์ประกอบชนิดเดียวกันรวมกันเป็นผลึกชัดเจน ทำให้หินมี เนื้อหยาบ (phaneritic texture) โดยแบ่งย่อยตามแร่องค์ประกอบหรือชนิดของแมกมาได้ 3 ชนิด
1) หินแกรนิต (granite) เกิดจากการแทรกดันและเย็นตัวของแมกมาไรโอไรท์ มีสีขาวเทาประจุดดำ เนื้อผลึกหยาบ ประกอบด้วยแร่หลัก คือ แร่ควอตซ์ เฟลด์สปาร์ ไบโอไทท์และแร่ฮอนเบลนด์ เป็นต้น หินแกรนิตเป็นหินอัคนีที่พบมากที่สุดและเป็นส่วนประกอบสำคัญของแผ่นเปลือกโลกทวีป
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/6-18-5-1024x536.jpg)
2) หินไดโอไรท์ (diorite) เกิดจากการแทรกดันและเย็นตัวของแมกมาแอนดิไซท์ มีสีคล้ำเข้มกว่าหินแกรนิต อาจเป็นสีเทาหรือเขียวเนื่องจากมีปริมาณแร่ควอตซ์และแร่เฟลด์สปาร์ลดลง
3) หินแกบโบร (gabbro) เกิดจากการแทรกดันและเย็นตัวของแมกมาบะซอลต์ มีสีเข้มถึงดำ ประกอบด้วยแร่ไพรอคซีน (pyroxene) แร่เฟลด์สปาร์ชนิดพลาจิโอเคลส (plagioclase) เป็นส่วนใหญ่และอาจมีแร่โอลิวีน (olivine) บางส่วน โดยส่วนใหญ่พบอยู่ชั้นล่างของแผ่นเปลือกโลกมหาสมุทรเนื่องจากเกิดการตกผลึกก่อนหินอื่นๆ ในระหว่างการแทรกดันของแมกมาขึ้นมาบนพื้นผิวโลก
นอกจากนี้บางพื้นที่ยังสามารถพบ หินอัคนีสีเข้มจัด (ultramafic igneous rock) ซึ่งประกอบด้วยแร่สีคล้ำ (ferromagnesian) เป็นองค์ประกอบสำคัญ และโดยส่วนใหญ่เป็นหินอัคนีบาดาลเป็นหลัก เช่น 1) หินดันไนต์ (dunite) ประกอบด้วยแร่โอลิวีนเป็นหลัก 2) หินไพรอคซีไนต์ (pyroxenite) ประกอบด้วยแร่ไพรอคซีนป็นหลัก และ 3) หินเพอริโดไตต์ (peridotite) มีองค์ประกอบรวมกันทั้งแร่โอลิวีนและไพรอคซีน
![](http://www.mitrearth.org/wp-content/uploads/2019/10/6-18-6-1024x425.jpg)
ในส่วนของหินอัคนีสีเข้มที่เป็นหินอัคนีภูเขาไฟมีเพียง 4) หินโคมาทิไอท์ (komatiite) เท่านั้น แต่มีโอกาสเกิดน้อยและพบได้ยาก ทั้งนี้เนื่องจากแมกมาที่เป็นต้นกำเนิดของหินสีเข้มจัดนั้น ต้องมาจากระดับที่ลึกมาก ซึ่งการเกิดหินโคมาทิไอท์ นั้นนักธรณีวิทยาคาดว่าน่าจะเป็นหินที่แก่มาก เกิดในช่วงเริ่มต้นของการเกิดโลก และแผ่นเปลือกโลกยังบางมาก จึงทำให้แมกมาสีเข้มจัดที่มาจากระดับลึกนี้สามารถปะทุขึ้นมาสู่พื้นผิวโลกได้
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth