
เสาแสง (Light Pillar) เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่แปลกตา เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเป็นเหมือนกับ ลำแสงแนวตั้ง ที่ทอดขึ้น-ลงจากแหล่งกำเนิดแสง ทำให้ปรากฏการณ์นี้ดูเหมือนจะลึกลับเหนือธรรมชาติ แต่จริง ๆ แล้วที่มาของมันมีรากฐานมาจาก กฎฟิสิกส์ และ วิทยาศาสตร์บรรยากาศ บทความนี้ ผู้เขียนต้องการที่จะอธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ เงื่อนไขที่ทำให้เกิดเสาแสง รวมถึงลักษณะเสาแสงแบบต่างๆ และการตีความของปรากฏการณ์นี้
ฟิสิกส์ของเสาแสง
เสาแสง (Light Pillar) เป็นปรากฏการณ์ทางแสงที่เกิดจากการสะท้อนของแสงบน ผลึกน้ำแข็ง (ice crystal) ที่ลอยอยู่ในอากาศ ผลึกน้ำแข็งเหล่านี้ มักมีรูปร่างเป็นแผ่นหกเหลี่ยม ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกระจกธรรมชาติ เมื่อเรียงตัวในแนวราบอันเนื่องมาจากสภาพบรรยากาศ แสงที่สะท้อนจากผลึกน้ำแข็งจะปรากฏเป็นเส้นแสงแนวตั้งเมื่อมองจากระยะไกล
1) เรขาคณิตของผลึกน้ำแข็ง ผลึกน้ำแข็งมีรูปร่างหกเหลี่ยมเนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลของน้ำ รูปร่างเฉพาะนี้ทำให้ผลึกน้ำแข็งทำหน้าที่เป็นพื้นผิวสะท้อนแสงได้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อเรียงตัวในแนวราบ

2) กลไกการสะท้อนแสง แสงจากแหล่งกำเนิด เช่น ไฟถนน ดวงจันทร์ หรือแม้แต่ดวงอาทิตย์ สะท้อนบนผิวหน้าของผลึกน้ำแข็งที่เรียงตัวในแนวราบ การสะท้อนนี้ปรากฏเป็นเส้นแสงแนวตั้ง เพราะแสงที่สะท้อนจากผลึกน้ำแข็งในระดับความสูงต่างๆ ซ้อนกันเมื่อมองจากระยะไกล
3) บทบาทของบรรยากาศ การเรียงตัวในแนวราบของผลึกน้ำแข็งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่นิ่งและหนาวเย็น หากบรรยากาศมีความปั่นป่วนหรือมีลมแรง ผลึกน้ำแข็งจะเสียการจัดเรียง ทำให้เสาแสงหายไป

เงื่อนไขการเกิด
การเกิดเสาแสงต้องอาศัยปัจจัยแวดล้อมหลายประการ ซึ่งทำให้ปรากฏการณ์นี้ค่อนข้างหายากและขึ้นอยู่กับสถานที่เป็นอย่างมาก
1) อุณหภูมิต่ำ เสาแสงมักปรากฏในพื้นที่ที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง โดยเฉพาะในฤดูหนาว เนื่องจากการก่อตัวของผลึกน้ำแข็งต้องการอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม
2) แหล่งกำเนิดแสง แหล่งกำเนิดแสงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความสว่างและความยาวของเสาแสง แหล่งกำเนิดที่สว่าง เช่น ไฟสปอร์ตไลท์หรือดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน มักสร้างเสาแสงที่ชัดเจนและยาวกว่า
3) ท้องฟ้าใสที่มีผลึกน้ำแข็ง เสาแสงมักเกิดในสภาพอากาศที่ท้องฟ้าใส แต่บางครั้งอาจเกิดในสภาพที่มีผลึกน้ำแข็งแขวนลอยในเมฆบางๆ ใกล้พื้นดิน
4) อากาศนิ่ง มวลอากาศที่นิ่งและเสถียรช่วยให้ผลึกน้ำแข็งเรียงตัวในแนวราบได้ดี ความปั่นป่วนในอากาศจะทำให้ผลึกเสียการจัดเรียงและเสาแสงหายไป

รูปแบบที่หลากหลาย
เสาแสงมีหลายรูปแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดแสงและสภาพบรรยากาศ
1) เสาแสงจากดวงอาทิตย์ (Solar Pillar) เสาแสงจากดวงอาทิตย์ เกิดขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์สะท้อนจากผลึกน้ำแข็งในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นหรือตก สีของเสาแสงมักเป็นสีแดงหรือส้ม เนื่องจากมุมของดวงอาทิตย์และการกระเจิงของแสงในบรรยากาศ

2) เสาแสงจากดวงจันทร์ (Lunar Pillar) คล้ายกับเสาแสงจากดวงอาทิตย์ แต่เกิดจากแสงจันทร์ เสาแสงชนิดนี้หายากกว่าและมักมีความสว่างน้อยกว่า เนื่องจากแสงจันทร์มีความเข้มต่ำกว่าดวงอาทิตย์

3) เสาแสงจากแสงประดิษฐ์ (Artificial Light Pillar) ในเขตเมือง เสาแสงจากแสงประดิษฐ์เกิดขึ้นบ่อยที่สุด เนื่องจากมีแหล่งกำเนิดแสงหลากหลาย เช่น ไฟถนน ไฟจากอาคาร และป้ายไฟ เนื่องจากแสงมีความหลากหลาย เสาแสงที่เกิดขึ้นจึงมักมีสีสันหลากหลาย

4) เสาแสงจากแสงออโรรา (Auroral Light Pillar) ในพื้นที่ขั้วโลกที่มีแสงออโรรา ปรากฏการณ์เสาแสงสามารถเกิดร่วมกับแสงออโรราได้ การสะท้อนของผลึกน้ำแข็งกับแสงออโรราทำให้เกิดภาพที่งดงามและแปลกตา

การวิจัยทางวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาปรากฏการณ์เสาแสงอย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการก่อตัวและผลกระทบต่อวิทยาศาสตร์บรรยากาศ ข้อสังเกตสำคัญได้แก่
1) องค์ประกอบและรูปร่างของผลึกน้ำแข็ง ผลการศึกษาโดยใช้ บอลลูนตรวจอากาศ (radiosonde) และอุปกรณ์ภาคพื้นดิน พบว่าผลึกน้ำแข็งที่ก่อให้เกิดเสาแสงส่วนใหญ่มีรูปร่างเป็นแผ่นหกเหลี่ยม บางครั้งผลึกทรงกระบอกก็มีส่วนในการก่อตัวของเสาแสง แต่ลำแสงจะไม่ชัดเจนเท่ากับผลึกแผ่น
2) การวิเคราะห์เชิงสเปกตรัม การศึกษาสเปกตรัมของเสาแสง พบว่าแสงสะท้อนยังคงมีลักษณะความยาวคลื่นตามแหล่งกำเนิด เช่น เสาแสงที่เกิดจากแสงสีแดงจะเป็นสีแดง และแสงสีขาวจะก่อให้เกิดเสาแสงหลากสี
3) ดัชนีความเสถียรของบรรยากาศ นักวิจัยใช้ดัชนีความเสถียรของบรรยากาศเพื่อคาดการณ์โอกาสการเกิดเสาแสงในพื้นที่ต่างๆ โดยอาศัยภาพจากดาวเทียมและเทคโนโลยี Lidar ในการตรวจสอบความหนาแน่นของผลึกน้ำแข็ง
การตีความในวัฒนธรรมต่างๆ
ในประวัติศาสตร์ เสาแสงสร้างความตื่นตาตื่นใจและมักถูกตีความว่าเป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติหรือสัญญาณจากสวรรค์ ก่อนที่จะมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ ปรากฏการณ์นี้มักถูกเชื่อมโยงกับเหตุการณ์พิเศษหรือคำเตือน
ตำนานและความเชื่อพื้นบ้าน ในหลายวัฒนธรรม เสาแสงถูกมองว่าเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกและสวรรค์ สื่อถึงการแทรกแซงจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือการสื่อสารจากเบื้องบน
แรงบันดาลใจทางศิลปะในปัจจุบัน เสาแสงมักปรากฏในงานศิลปะและภาพถ่ายเชิงธรรมชาติ โดยเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความลึกลับและความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
โดยสรุป เสาแสงเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ผสมผสานระหว่างฟิสิกส์และความงามทางสายตา แม้ว่าคำอธิบายของปรากฏการณ์นี้จะอยู่ในขอบเขตของวิทยาศาสตร์ แต่ความงดงามของมันกลับยกระดับจินตนาการและความศรัทธาของมนุษย์ การทำความเข้าใจเสาแสงไม่เพียงช่วยให้เราชื่นชมธรรมชาติมากขึ้น แต่ยังทำให้เราเข้าใจถึงกระบวนการทางบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกใบนี้ด้วย
. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth