เรียนรู้

แบบฝึกหัด 14 ตะกอนและหินตะกอน

วัตถุประสงค์ของแบบฝึกหัด

แบบฝึกหัดนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ผู้อ่านมีโอกาส 1) ทบทวนเนื้อหา และ 2) ค้นคว้าความรู้เพิ่มเติม โดยผ่านกระบวนการสื่อสารแบบถาม-ตอบ ระหว่างผู้เขียน-ผู้อ่าน เท่านั้น โดยไม่มีเจตนาวิเคราะห์ข้อสอบเก่าหรือแนวข้อสอบแต่อย่างใด

1) แบบฝึกหัดจับคู่

คำอธิบาย : เลือก ตัวอักษร หน้าคำบรรยายด้านขวา และเติมในช่องว่างด้านซ้ายของแต่ละข้อที่มีความสัมพันธ์กัน

1.____pebbleก.ตะกอนขนาด > 2 มิลลิเมตร
2.____cobbleข.ตะกอนขนาด 2-64 มิลลิเมตร
3.____brecciaค.ตะกอนขนาด 1/256-1/16 มิลลิเมตร
4.____sandง.ตะกอนขนาด 1/16-2 มิลลิเมตร
5.____shaleจ.ตะกอนขนาด 64-256 มิลลิเมตร
6.____siltฉ.ตะกอนขนาด < 1/256 มิลลิเมตร
7.____clayช.หินกรวดเหลี่ยม
8.____sandstoneซ.หินทราย
9.____conglomerateฌ.หินกรวดมน
10.____gravelญ.หินที่มีตะกอนขนาดดิน

2) แบบฝึกหัดถูก-ผิด

คำอธิบาย : เติมเครื่องหมาย T หน้าข้อความที่กล่าวถูก หรือเติมเครื่องหมาย F หน้าข้อความที่กล่าวผิด

1.____ระแหงโคลน (mudcrack) มีประโยชน์ในการบอก ด้านบน-ด้านล่าง ของชั้นตะกอนได้
2.____หินกรวดมน (conglomerate) เป็นหินตะกอนที่พบมากที่สุดบนโลกเมื่อเที่ยบกับหินตะกอนชนิดอื่นๆ
3.____ ความกลม (angularity) และความมน (roundness) ของเม็ดตะกอนขึ้นอยู่กับ 1) ความแข็งของเม็ดตะกอน 2) ความห่างจากแหล่งกำเนิดของตะกอนที่ถูกพัดพามา และ 3) พลังงานที่ใช้ในการพัดพาตะกอน
4.____ทะเสสาบเป็นสภาพแวดล้อมที่ดีมากในการทำให้ตะกอนมีความกลมและมน เนื่องจากตะกอนสามารถกลิ้งไป-มา ภายในทะเลสาบเนื่องจากคลื่นน้ำที่พื้นทะเลสาบ
5.____หินตะกอนเนื้อเม็ด (clastic sedimentary rock) จำแนกย่อยตามขนาดของเม็ดตะกอน
6.____หินกรวดมน (conglomerate) เกิดในสภาพแวดล้อมแบบพลังงานสูง เช่น ชายหาด ธารน้ำโค้งตวัด
7.____ หินโคลน (mudstone) เกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบพลังงานต่ำ เช่น ก้นทะเลลึก
8.____รอยริ้วคลื่น (ripple mark) ที่ถูกเก็บรักษาไว้ใน หินกรวดเหลี่ยม (breccia) มีประโยชน์ในการบอกทิศทางของกระแสน้ำบรรพกาล (paleocurrent)
9.____ถ่านหิน (coal) คือ chemical sedimentary rock
10.____cement โดยส่วนใหญ่ตกผลึกมาจากสารละลาย
11.____ก้อนหินมนใหญ่ (boulder) สะสมตัวและแข็งตัวกลายเป็นหินตะกอนเคมี
12.____ขนาดตะกอน (grain size) เป็นหลักฐานสำคัญในการบอกสภาพแวดล้อมการสะสมตัวในอดีต
13.____นักวิทยาศาสตร์ใช้หินตะกอนในการแปลความหมายและลำดับเวลาทางธรณีวิทยาของโลก
14.____แหล่งปิโตรเลียมโดยส่วนใหญ่สัมพันธ์กับหินตะกอน
15.____แนวปะการัง (coral reef) คือ clastic sedimentary rock
16.____โลกคือดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีหินตะกอน
17.____ควอตซ์ (quartz) เป็นแร่องค์ประกอบหลักของหินตะกอน เนื่องจากทนต่อการผุพังทางเคมี
18.____ดิน (soil) ก่อตัวมาจากการผุพังของหินรวมกับอินทรียวัตถุที่ย่อยสลาย
19.____หินตะกอนเคมี เกิดจากอนุภาคที่ได้จากการเปลี่ยนสภาพหินเนื่องจากการผุพังทางเคมี
20.____ตะกอน (sediment) เกิดจากการผุพังของ หินตะกอน (sedimentary rock)

3) แบบฝึกหัดปรนัย

คำอธิบาย : ทำเครื่องหมาย X หน้าคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว จากตัวเลือกที่กำหนดให้

1. หินดินดาน (shale) เกิดจากวัสดุชนิดใด

 ก.ตะกอนขนาดทรายข.ซากพืชซากสัตว์
 ค.ตะกอนขนาดดินง.ตะกอนขนาดทรายแป้ง

2. ข้อใดคือ หินตะกอนชีวเคมี (biochemical sedimentary rock)

 ก.หินทราย (sandstone)ข.ถ่านหิน (coal)
 ค.หินดินดาน (shale)ง.หินกรวดมน (conglomerate)

3. ข้อใดกล่าวถูกต้องกับ หินตะกอนเนื้อเม็ด (detrital sedimentary rock)

ก.เกิดจากการพัดพาโดยลม น้ำ หรือธารน้ำแข็งข.เกิดจากการผุพังทางกายภาพ ของหินอื่นๆ
 ค.แยกตามขนาดตะกอนง.ถูกทุกข้อ

4. สภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนแบบใดที่มีโอกาสน้อยที่สุดที่จะพบตะกอนขนาดทราย

 ก.เนินตะกอนรูปพัด (fan)ข.หน้าหาด (beach)
 ค.ทะเลทราย (desert)ง.ธารน้ำแข็ง (glacier)

5. สภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนแบบใดที่มีโอกาสทำให้เกิดโครงสร้างตะกอนแบบรอยริ้วคลื่น (ripple mark)

 ก.ธารน้ำ (stream)ข.ทะเลทราย (desert)
 ค.ใกล้ชายฝั่ง (near shore)ง.ถูกทุกข้อ

6. โครงสร้างทางตะกอนแบบใดที่บ่งชี้สภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนแบบแห้งแล้ง

 ก.ชั้นตะกอนเรียงขนาด (graded bed)ข.ชั้นตะกอนขวาง (cross bed)
 ค.รอยริ้วคลื่น (ripple mark)ง.ระแหงโคลน (mudcrack)

7. ความแตกต่างระหว่าง breccia และ conglomerate คืออะไร

 ก.ขนาดตะกอนข.แร่องค์ประกอบ
 ค.รูปร่างตะกอนง.ไม่มีข้อใดถูก

8. ตะกอนชนิดใดพบมากที่สุดในโลก

 ก.ตะกอนเนื้อเม็ดขนาดใหญ่ (coarse clastic)ข.ตะกอนเนื้อเม็ดขนาดเล็ก (fine clastic)
 ค.ตะกอนเคมี (chemical sediment)ง.ตะกอนชีวเคมี (biochemical sediment)

9. ข้อใดคือปัจจัยที่สามารถพัดพาตะกอนขนาดทรายได้

 ก.แม่น้ำข.ลม
 ค.คลื่นในมหาสมุทรง.ถูกทุกข้อ

10. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ ชั้นตะกอนเรียงขนาด (graded bed)

 ก.ขนาดตะกอนใหญ่ขึ้นจากล่างขึ้นบนของชั้นตะกอนข.ขนาดตะกอนเล็กลงจากล่างขึ้นบนของชั้นตะกอน
 ค.มีการปะปนกันของตะกอนหลากหลายขนาดง.พบเฉพาะบริเวณไหล่ทวีป

11. ข้อใดคือสภาพแวดล้อมการสะสมตัวใน ระยะเปลี่ยนผ่าน (transitional deposit)

 ก.เนินตะกอนรูปพัด (fan)ข.บ่าทวีป (continental shelf)
 ค.ดินดอนสามเหลี่ยม (delta)ง.ไหล่ทวีป (continental slope)

12. สภาพแวดล้อมการสะสมตัวของตะกอนแบบใดที่มีโอกาสพบโครงสร้างทางตะกอนแบบรอยริ้วคลื่นสมมาตร (oscillatory ripple mark)

 ก.เนินตะกอนรูปพัด (fan)ข.หน้าหาด (beach)
 ค.ทะเลทราย (desert)ง.ธารน้ำแข็ง (glacier)

13. ข้อใดคือหินทรายที่มีองค์ประกอบหลักเป็น เศษชิ้นหิน (rock fragment) และ แร่ดิน (clay mineral)

 ก.arkoseข.litharenite
 ค.quartzareniteง.ไม่มีข้อใดถูก

14. ข้อใดคือหินทรายที่มีองค์ประกอบหลักเป็นแร่เฟลด์สปาร์

 ก.arkoseข.litharenite
 ค.quartzareniteง.ไม่มีข้อใดถูก

15. ตะกอนที่ถูกทับถมลึกลงไป 3 กิโลเมตร ใต้พื้นผิวโลกจะมีอุณหภูมิโดยประมาณเท่าใด

 ก.0 องศาเซลเซียสข.100 องศาเซลเซียส
 ค.300 องศาเซลเซียสง.1,000 องศาเซลเซียส

16. เศษเปลือกหอยในทะเลมีองค์ประกอบหลักเป็นอะไร

 ก.ซิลิกา (SiO2)ข.แคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3)
 ค.แคลเซียมฟอสเฟต (Ca3 (PO4) 2)ง.แคลเซียมซัลเฟต (CaSO4)

17. ข้อใด ไม่ใช่ โครงสร้างที่สัมพันธ์กับหินตะกอน

 ก.การวางชั้น (bedding)ข.ริ้วลาย (foliation)
 ค.ฟอสซิล (fossil)ง.ระแหงโคลน (mudcrack)

18. ข้อใดเรียงลำดับขนาดตะกอนจากใหญ่ไปเล็กได้ถูกต้อง

 ก.หินทราย หินทรายแป้ง หินกรวดมนข.หินทราย หินกรวดมน หินทรายแป้ง
 ค.หินกรวดมน หินทราย หินทรายแป้งง.หินทรายแป้ง หินทราย หินกรวดมน

19. กำหนดให้ชั้นหินจากล่างขึ้นบนดังนี้ ถ่านหิน หินทราย หินปูน หินทราย และถ่านหิน จากชั้นหินเหล่านี้ สภาพแวดล้อมการสะสมตัวในอดีตควรเป็นแบบใด

 ก.ภูมิอากาศเปลี่ยนจากอบอุ่นและเย็นกลับไป-มาข. น้ำทะเลรุกสูงเข้าไปในฝั่งและถอยร่นอีกครั้ง
 ค.น้ำทะเลถอยร่นและรุกขึ้นสูงอีกครั้งง.ปริมาณน้ำฝนลดลงและเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

20. ข้อใดคือ หินตะกอนชีวภาพ (biological sedimentary rock)

ก.หินเฮไลด์ (halite)ข.หินปูน (limestone)
 ค.หินเชิร์ต (chert)ง.ถ่านหิน (coal)

21. กระบวนการใดไม่เกิดในช่วง การก่อตัวใหม่ (diagenesis) ของหินตะกอน

ก.การอัดแน่น (compaction)ข.การเชื่อมประสาน (cementation)
 ค.การแข็งเป็นหิน (lithification)ง.การแปรสภาพหิน (metamorphism)

22. ตะกอนที่ถูกพัดพาโดยธารน้ำแข็ง เมื่อใช้เวลานานขึ้น ตะกอนจะมีลักษณะอย่างไร

 ก.มีความมนมากขึ้นข.มีขนาดเล็กลง
 ค.มีความมนมากขึ้นและมีขนาดเล็กลงง.ไม่มีข้อใดถูก

23. ตะกอนที่ถูกพัดพาโดยกระบวนการทางน้ำ เมื่อใช้เวลานานขึ้น ตะกอนจะมีลักษณะอย่างไร

 ก.มีความมนมากขึ้นข.มีขนาดเล็กลง
 ค.มีความมนมากขึ้นและมีขนาดเล็กลงง.ไม่มีข้อใดถูก

24. ถ่านหิน (coal) คือ หินตะกอนชนิดใด

 ก.clasticข.evaporite
 ค.biochemicalง.detrital

25. หินชนิดใดที่โดยส่วนใหญ่พบซากของพืชและสัตว์ติดอยู่ในชั้นหิน

 ก.หินปูน (limestone)ข.ถ่านหิน (peat)
 ค.หินทราย (sandstone)ง.หินกรวดเหลี่ยม (breccia)

26. หินตะกอนอิ่มตัว (mature sedimentary rock) มีลักษณะเฉพาะอย่างไร

 ก.ตะกอนประกอบด้วยแร่ที่ไม่เสถียรข.มีความหลากหลายของขนาดตะกอน
 ค.ตะกอนมีความกลมและมนสูงง.ตะกอนประกอบด้วยแร่ที่เสถียร

27. แร่ที่มีความเสถียรมากที่สุดในหินตะกอนคือแร่ชนิดใด

 ก.แร่ควอต์ซ (quartz)ข.แร่แอมฟิโบล (amphibole)
 ค.แร่เฟลด์สปาร์ (feldspar)ง.แร่โอลิวีน (olivine)

28. ชั้นตะกอนเรียงขนาด (graded bed) โดยปกติสัมพันธ์กับข้อใด

 ก.น้ำเคลื่อนที่เร็วและชะลอความเร็วลงอย่างช้าๆข.น้ำเคลื่อนที่ช้าและเพิ่มความเร็วขึ้นตามลำดับ
 ค.ความเร็วน้ำคงที่ง.ตะกอนสะสมตัวบนพื้นที่แห้ง

29. ชั้นตะกอนขวาง (cross bed) โดยปกติสัมพันธ์กับข้อใด

 ก.มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสะสมตัวและการกรัดกร่อนข.น้ำเคลื่อนที่เร็วและชะลอตัวลงอย่างช้าๆ
 ค.น้ำมีคลื่นที่มีพลังงานคงที่ง.ตะกอนสัมผัสอากาศเป็นช่วง

30. ข้อใดคือ หินตะกอนเคมี (chemical sedimentary rock)

ก.หินปูนข.ยิปซั่ม
 ค.หินเกลือง.ถูกทุกข้อ

31. รอยริ้วคลื่น (ripple mark) โดยทั่วไปเกิดจากกระบวนการใด

 ก.มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสะสมตัวและการกรัดกร่อนข.น้ำเคลื่อนที่เร็วและชะลอตัวลงอย่างช้าๆ
 ค.น้ำมีคลื่นที่มีพลังงานคงที่ง.ตะกอนสัมผัสอากาศเป็นช่วง

32. ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับ หินปูน (limestone)

ก.องค์ประกอบของหินปูนคือแร่แคลไซต์ข.หินปูนละลายได้ในสารละลายกรดคาร์บอนิก
 ค.หินปูนละลายได้ในน้ำบริสุทธิ์ง.ถูกทุกข้อ

33 หินชนิดใดที่มีแนวโน้มการสะสมตัวในสภาพแวดล้อมแบบบนบกและแห้งแล้ง

 ก.หินดินดาน (shale)ข.หินโคลน (mud rock)
 ค.หินทรายสีแดง (red sandstone)ง.หินโดโลไมต์ (dolomite)

34. ข้อใดมีแนวโน้มที่บ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมแบบทะเลทราย (desert)

 ก.ชั้นตะกอนขวาง (cross bed)ขนาดใหญ่ข.หินเกลือระเหย (evaporate)
 ค.ถ่านหิน (coal)ง.ระแหงโคลน (mudcrack)

35. สภาพแวดล้อมการสะสมตัวแบบใด สามารถสร้างลักษณะของ ชั้นตะกอนขวาง (cross bed) ได้

 ก.เนินทราย (sand dune)ข.เนินตะกอนรูปพัด (alluvial fan)
 ค.สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ (delta)ง.ถูกทุกข้อ

36. หินชนิดใดที่เกิดจาก กระบวนการระเหย (evaporation) เป็นหลัก

 ก.หินดินดานข.หินโคลน
 ค.หินเกลือง.หินโดโลไมต์

37. ข้อใดคือความแตกต่างที่สำคัญระหว่างหินกรวดเหลี่ยมและหินกรวดมน

 ก.ขนาดตะกอนข.สีตะกอน
 ค.รูปร่างตะกอนง.แร่องค์ประกอบ

38. เม็ดตะกอนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2-4 มิลลิเมตร เรียกว่าอะไร

 ก.clayข.sand
 ค.siltง.gravel

39. rounding คืออะไร

ก.การผุพังของขอบของหินที่แหลมคมเมื่อโผล่พ้นพื้นผิวโลกข.การขัดสีขอบที่แหลมคมของตะกอนในระหว่างการพัดพา
 ค.ตะกอนมีความกลมและมนสูงง.ถูกทุกข้อ

40. การอัดแน่น (compaction) และ การเชื่อมประสาน (cementation) เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการใด

ก.metamorphismข.transportation
 ค.sedimentationง.ไม่มีข้อใดถูก

41. ระแหงโคลน (mudcrack) เกิดจากกระบวนการใด

 ก.มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสะสมตัวและการกรัดกร่อนข.น้ำเคลื่อนที่เร็วและชะลอตัวลงอย่างช้าๆ
 ค.น้ำมีคลื่นที่มีพลังงานคงที่ง.ตะกอนสัมผัสอากาศเป็นช่วง

42. หินทราย (sandstone) และ หินกรวดมน (conglomerate) แตกต่างกันอย่างไร

 ก.ขนาดตะกอนข.ความกลมและมน
 ค.องค์ประกอบง.ถูกทุกข้อ

43. ข้อใดคือชนิดของหินทราย

 ก.brecciaข.arkose
 ค.conglomerateง.ถูกทุกข้อ

44. หากระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นหรือพื้นที่ชายฝั่งเกิดการทรุดตัว กระบวนการใดควรเกิดขึ้น

 ก.transportationข.transgression
 ค.tidal waveง.regression

45. กระบวนการที่ทำให้หินขนาดใหญ่ย่อยกลายเป็นเม็ดตะกอนเรียกว่าอะไร

 ก.metamorphismข.transportation
 ค.weatheringง.abrasion

46. หินตะกอนที่ประกอบด้วยตะกอนขนาด กรวด (gravel) และมีความกลมและมนสูงคือหินอะไร

 ก.gravelstoneข.conglomerate
 ค.sandstoneง.breccia

47. ตะกอนที่มีขนาดเล็กกว่า 1/256 มิลลิเมตร เรียกว่าอะไร

 ก.cobbleข.boulder
 ค.clayง.gravel

48. ชั้นตะกอนขวาง (cross bed) ที่พบใน เนินทราย (dune) เป็นหลักฐานบ่งชี้เกี่ยวกับอะไร

 ก.ความสูงของเนินทรายข.ทิศทางลม
 ค.สภาพแวดล้อมการสะสมตัวโบราณง.ถูกทุกข้อ

49. หินตะกอนเนื้อเม็ด (clastic sedimentary rock) ชนิดใดพบมากที่สุด

 ก.หินปูน (limestone)ข.หินทราย (sandstone)
 ค.หินโคลน (mud rock)ง.หินอาร์โคส (arkose)

50. หินปูน (limestone) มีองค์ประกอบโดยส่วนใหญ่เป็นแร่แคลไซต์ ซึ่งถูกแยกออกมาจากน้ำทะเลด้วยกระบวนการใด

 ก.inorganic chemical reactionข.chemical weathering
 ค.organismง.lithification

51. หินโดโลไมต์ (dolomite) คือ หินที่เกิดจากการเพิ่มแร่ชนิดใดเข้าไปในหินปูน

 ก.แร่แคลเซียม (calcium)ข.แร่คาร์บอเนต (carbonate)
 ค.แร่เหล็ก (iron)ง.แร่แมกนีเซียม (magnesium)

52. ข้อใดคือกระบวนการตกผลึกของแร่ที่ถูกละลายและตกตะกอนในช่องว่างของรูพรุนของเม็ดตะกอนและเชื่อมเม็ดตะกอนเข้าด้วยกัน

 ก.compactionข.rounding
 ค.weatheringง.cementation

53. หินกรวดเหลี่ยม (breccia) เป็นหินที่โดยส่วนใหญ่พบได้ยากเนื่องจากสาเหตุใด

 ก.กรวดถูกขัดสีให้กลมมนได้เร็วระหว่างการพัดพาข.การสะสมตัวของทรายมีการคัดขนาดที่ดีในธรรมชาติ
 ค.แร่ดินอุดมสมบูรณ์น้อยกว่าตะกอนอื่นง.แร่เฟลด์สปาร์ไม่เสถียรในทางองค์ประกอบทางเคมี

54. ข้อใดคือ หินตะกอนเนื้อเม็ด (clastic sedimentary rock)

 ก.เศษหอยแตกหัก (shell fragment)ข.ไอออนในสารละลาย (ion solution)
 ค.รอยริ้วคลื่น (ripple mark)ง.ทราย (sand)

55. ตะกอนที่มีเม็ดตะกอนขนาดใกล้เคียงกันเรียกว่าอะไร

 ก.well sortedข.poorly rounded
 ค.sandstoneง.lithified

56. กระบวนการที่ตะกอนในทะเลถูกพัดพามาสะสมตัวบนชายฝั่งเมื่อระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เรียกว่าอะไร

 ก.superpositionข.regression
 ค.invasionง.transgression

57. การจำแนกตะกอนชนิดเนื้อเม็ด (clastic) ใช้อะไรเป็นเกณฑ์

 ก.sortingข.dessication
 ค.graduatingง.collimating

58. ข้อใดสามารถนำมาใช้กำหนดทิศทางของ กระแสน้ำบรรพกาล (paleocurrent)

 ก.mudcrackข.graded bedding
 ค.turbidity currentง.cross bedding

59. ข้อใดคือ ถ่านหิน (coal)

 ก.หินตะกอนชนิดเนื้อเม็ดข.พบร่วมกับหินปูนเสมอ
 ค. เกิดจากการระเหยของน้ำง.ไม่มีข้อใดถูก

60. หินดินดาน (shale) แตกต่างจาก หินทรายแป้ง (siltstone) อย่างไร

 ก.ไม่มีความแตกต่างกันมากนักข.เม็ดตะกอนในหินดินดานมีความมนกว่าหินทรายแป้ง
 ค.เม็ดตะกอนในหินดินดานมีขนาดเล็กกว่าหินทรายแป้งง.เม็ดตะกอนในหินดินดานมีขนาดใหญ่กว่าหินทรายแป้ง

61. ข้อใดคือ clastic sedimentary rock

 ก.เกิดจากซากสิ่งมีชีวิตที่หลงเหลืออยู่ข.เกิดจากการเชื่อมประสานตะกอนเข้าด้วยกัน
 ค.เกิดจากการระเหยของน้ำง.เกิดจากการหลอมเหลวของหิน

62. การสะสมตัวของแร่ดินและพัฒนากลายเป็นหินแข็ง ทำให้เกิดหินชนิดใด

 ก.หินปูน (limestone)ข.หินดินดาน (shale)
 ค.หินทราย (sandstone)ง.หินอีแวพอไรท์ (evaporite)

63. หินกรวดเหลี่ยม (breccia) ต่างจาก หินกรวดมน (conglomerate) อย่างไร

ก. หินกรวดมนมีแร่ควอตซ์เป็นหลักข. หินกรวดมนมีความกลมมากกว่า
 ค.หินกรวดมนมีขนาดที่ใหญ่กว่าง.หินกรวดมนมีความมนมากกว่า

64. ข้อใดคือลักษณะเฉพาะที่สำคัญที่สุดของหินตะกอน

ก.มีขนาดตะกอนที่หลากหลายข.มีการวางตัวและลำดับชั้นหิน
 ค. เป็นแหล่งสะสมอินทรียวัตถุง.ไม่มีข้อใดถูก

65. ข้อใดคือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเกิด หินโคลน (mudstone)

 ก.ชายฝั่งข.ริมตลิ่งธารน้ำ
 ค.เนินตะกอนรูปพัดง. ทะเลสาบ

66. การเปลี่ยนแปลงขนาดตะกอนในแนวดิ่งเรียกว่าอะไร

 ก.laminationข.cross bedding
 ค.graded beddingง.foliation

67. รอยริ้วคลื่น (ripple mark) สามารถใช้บอกสภาพแวดล้อมในอดีตอย่างไร

 ก. ทิศทางการไหลของน้ำข.จำแนกน้ำขึ้น-น้ำลง
 ค. ความเร็วของกระแสง.ถูกทุกข้อ

68. ข้อใดคือตัวเชื่อมประสานให้เม็ดตะกอนยึดติดกันเป็นหินตะกอน

 ก.cementข.porosity
 ค.fossilง.silt

69. ธาตุใดพบในหินโดโลไมต์ (dolomite) แต่พบน้อยมากในหินปูน (limestone)

ก.ออกซิเจนข.คาร์บอน
 ค.แมกนีเซียมง.แคลเซียม

70. ตะกอนขนาดดินมีขนาดเท่าใด

ก. > 2 เมตรข.2-10 เซนติเมตร
 ค. < 1/256 มิลลิเมตรง.5 มิลลิเมตร

เฉลยแบบฝึกหัด

1) แบบฝึกหัดจับคู่

1. 2. 3. 4. 5.
6. 7. 8. 9. 10.

2) แบบฝึกหัดถูก-ผิด

1.T 2.F 3.T 4.F 5.T
6.T 7.T 8.F 9.F 10.T
11.F 12.T 13.T 14.T 15.F
16.F 17.T 18.T 19.F 20.F

3) แบบฝึกหัดปรนัย

1. 2. 3. 4. 5.
6. 7. 8. 9. 10.
11. 12. 13. 14. 15.
16. 17. 18. 19. 20.
21. 22. 23. 24. 25.
26. 27. 28. 29. 30.
31. 32. 33. 34. 35.
36. 37. 38. 39. 40.
41. 42. 43. 44. 45.
46. 47. 48. 49. 50.
51. 52. 53. 54. 55.
56. 57. 58. 59. 60.
61. 62. 63. 64. 65.
66. 67. 68. 69. 70.

4) แบบฝึกหัดอัตนัย

คำอธิบาย : ตอบคำถามให้กระชับและสมบูรณ์เกี่ยวกับวัตถุ กระบวนการหรือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อกับโลกศาสตร์

1. อธิบาย กระบวนการพัดพา (erosion) ของตะกอนที่ส่งผลต่อขนาด ความกลมและมนของตะกอน

 
 
 

2. กระบวนการเกิดหินตะกอนมีอะไรบ้าง

 
 
 

3. สภาพแวดล้อมที่ทำให้ได้ กรวดเหลี่ยม (breccia) มีอะไรบ้าง

 
 
 

4. หินตะกอนภูเขาไฟ (agglomerate) และ กรวดภูเขาไฟ (phyroclastic) แตกต่างกันอย่างไร

 
 
 

5. หินปูนที่มีฟอสซิล (fossiliferous limestone) และ หินโคคีนา (coquina) แตกต่างกันอย่างไร

 
 
 

6. ถ่านหิน (coal) จำแนกย่อยเป็นอะไรได้บ้าง และใช้เกณฑ์ใดในการจำแนก

 
 
 

7. สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการสะสมตัวของทรายและก่อตัวเป็นหินทรายมีอะไรบ้าง

 
 
 

8. อธิบาย กระบวนการเกิดไม้กลายเป็นหิน (petrified wood) เหตุใดต้นไม้จึงไม่เน่าเปื่อยเหมือนกับสภาวะปกติโดยทั่วไป

 
 
 

9. อธิบายหลักการแปลความหมายกระแสน้ำโบราณจากหลักฐาน ชั้นตะกอนขวาง (cross bedding)

 
 
 

10. ยกตัวอย่างประโยชน์และความสำคัญของการศึกษาตะกอนและหินตะกอน

 
 
 

. . .
บทความล่าสุด : www.mitrearth.org
เยี่ยมชม facebook : มิตรเอิร์ธ – mitrearth

Share: